ปัจจุบันอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าโลกของเรานั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทั้งสิ้น ยิ่งมีสถานการ์แพร่ระบาดโควิด 19 แล้วนั้น ยิ่งทำให้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และมนุษย์ก็พึ่งพามันมากขึ้น เนื่องจากนวัตกรรมเทคโนโลยีเหล่านี้มีความแม่นยำ และผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ จนกระทั่งมันเกิดเทรนด์ทางด้านเทคโนโลยีหรือไอที ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจได้เลย
วันนี้แมนพาวเวอร์จะพาทุกคนมาดู 5 เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ที่คาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจในปี2025
1. ผู้ช่วยอัจฉริยะ Smart Assistant
ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่ดำเนินโดย AI (Artificial Intelligence) กลายเป็นตัวช่วยสำคัญของมนุษย์ ในปี2025เชื่อว่าระบบคอมพิวเตอร์จะมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น และสามารถตอบคำถามที่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์อาจจะยังหาคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งเดี๋ยวนี้งบประมาณในการทำ AI ไม่ได้สูงมากเหมือนยุคแรกๆ ดังนั้นหลายองค์กรเริ่มมีการนำ AI เข้ามาช่วยในด้านการทำงาน และแม้แต่คนทั่วไปเองก็หยิบ AI มาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า AI ได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ เพราะมันได้ทำหน้าที่เสมือนมันสมองของมนุษย์ที่มีความถูกต้อง แม่นยำกว่า อีกทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้อีกด้วย
2.เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูง 5G
ปัจจุบันเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G หรืออุปกรณ์ที่เป็นระบบ IoT เริ่มมีใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและองค์กรใหญ่ ๆ กันแล้ว จริงอยู่ว่าในช่วงระยะไม่กี่ปีนี้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Enterprise แต่ในปี2025เป็นต้นไปเทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะกระจายตัวไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และมีแนวโน้มว่าในปี 2030 เรื่องของการเชื่อมต่อด้วย 5G จะครอบคลุมประชากรกว่า 80% ของประชากรโลก ดังนั้นจะมีหลายธุรกิจที่ได้ผลประโยชน์จากการพัฒนาของเทคโนโลยีตัวนี้ เช่น กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมธุรกิจสื่อทีวีและดิจิตัล
3. ระบบคอมพิวเตอร์คุณภาพสูง Cloud Computing
Cloud เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆด้าน ทั้งด้านระบบเครือข่าย ด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งใน 2-3 ปีมานี้ Cloud ถูกนำมาใช้ในองค์กรใหญ่ๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Public Cloud ก็คือการฝากข้อมูลไว้ที่ระบบของผู้ให้บริการด้านนี้ หรือจะเป็น Private Cloud ที่เป็นระบบเฉพาะขององค์กรนั้นๆเอง
การใช้ Cloud นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ นอกจากจะไม่ต้องลงทุนในซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์แล้ว ยังทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจาก Cloud สามารถรองรับการขยายตัว สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที
4.เทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูง (Advanced robotics)
Advanced Robotics มีความคล่องแคล่วและมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น สามารถปฏิบัติงานที่ละเอียดอ่อนมากได้โดยอัตโนมัติเทคโนโลยีเหล่านี้ยังก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำคัญแก่สังคมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ที่ช่วยทำการผ่าตัดแบบแผลเล็ก และหุ่นยนต์ที่ประกบกับตัวมนุษย์เพื่อช่วยการเคลื่อนไหวผู้พิการและผู้สูงอายุ
5.เทคโนโลยีระบุตัวตน (Biometric technology)
Biometrics เป็นเทคโนโลยีระบุตัวตน (Identification) และตรวจพิสูจน์ผู้ใช้ (Verification) โดยใช้เทคนิคการแปรค่าเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล (Personal identity) โดยนำลักษณะทั้งทางกายภาพและชีวภาพ มาวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่าง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดมีรายงานเผยออกมาว่าบริษัทกว่า 72 % กำลังวางแผนที่จะยกเลิกรหัสผ่านแบบเดิมภายในปี 2025 ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้รูปแบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่อย่างใบหน้า เสียง ตา มือ และลายเซ็น
ด้วยเทคโนโลยีมากมายที่เกิดขึ้นในหลายด้าน จึงเป็นความท้าทายที่จะก้าวให้ทัน ทุกความก้าวหน้าถือเป็น “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป” จริงๆแล้ว ไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีที่สามารถส่งผลเปลี่ยนแปลงในสังคม และแวดวงธุรกิจได้ แต่อย่างที่ทุกคนได้อ่านมา บางสิ่งมันค่อนข้างจะอิมแพค สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทำให้องค์กรเองก็ต้องตื่นตัว Ready to adjust และ Up-to-date ตลอดเวลา เพื่อสร้างผลประโยชน์แก่องค์กรสูงสด
ส่วนใครที่ต้องการหาพนักงานคุณภาพ เพื่อพัฒนาธุรกิจ และก้าวสู่เทคโนโลยีอย่างมั่นใจ ติดต่อ Manpower ได้เลยนะคะ :)
ค้นหาพนักงานคุณภาพ คลิก https://bit.ly/3KBGN2D
ขอบคุณที่มาจาก PLURALSIGHT