หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หรือ Butterfly Effect ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยเหตุการณ์หนึ่ง สามารถส่งผลกระทบอันซับซ้อนหรือสร้างปรากฎการณ์ใหญ่อีกอย่างขึ้นมาได้ คล้าย ๆ กับวลี “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว” แต่สถานการณ์ความรุนแรงในยูเครนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา “ดอกไม้” ในที่นี้ก็คือชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคร่าไปจากการโจมตี ขณะที่ “ดวงดาว” คือ talents หรือ ผู้มีศักยภาพในการทำงานที่ได้รับผลกระทบกันไปตาม ๆ กันจากการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ของบริษัทต่าง ๆ ทั้งในและนอกยูเครนภาวะที่กำลังเกิดขึ้นกับพนักงานจำนวนมากที่ต้องเสียตำแหน่งงานอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว ก็คงไม่ต่างจาก Butterfly effect ของผลกระทบจากกรณีสงครามยูเครนที่มีต่อสภาวะตลาดงาน ซึ่งส่งผลกระทบอีกระลอกต่อปากท้องของคนจำนวนมากทั่วโลกภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังกองทัพรัสเซียเคลื่อนพลเข้าสู่ยูเครน Oleksandr Kyryliuk ถูกโทรบอกเลิกจ้างงานทางโทรศัพท์ Oleksandr เป็นชาวยูเครนที่ทำงานให้บริษัทผลิตเบียร์สัญชาติอังกฤษที่ตั้งอยู่ในรัสเซีย ชายหนุ่มวัย 33 ปีผู้เป็นเสาหลักให้ครอบครัวต้องกลายเป็นคนว่างงานในพริบตา หลังจากบริษัทจากหลายประเทศตัดสินใจยุติการดำเนินงานในรัสเซีย แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ Oleksandr เขาเป็นเพียงหนึ่งในคนจำนวนมากที่สูญเสียอาชีพการงานที่เคยเลี้ยงปากท้องและให้ความมั่นคงไปในข้อพิพาทระหว่างสองรัฐ การโจมตีรุนแรงที่เกิดขึ้นในยูเครน ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องลี้ภัยไปสู่ประเทศอื่นในยุโรป นอกจากนี้ การยุติการดำเนินงานในบริษัทชาติตะวันตกในรัสเซีย อาจทำให้ลูกจ้างในรัสเซียกว่า 2 ล้านคนต้องตกงานภายในสิ้นปีนี้ โดยอัตราการว่างงานอาจพุ่งสูงถึง 8% เลยทีเดียวรายงานข่าวจาก Forbes ชี้ว่าบริษัท และองค์กรต่าง ๆ ต่างหวั่นใจในความแปรผันของสถานการณ์ความรุนแรง ทำให้ไม่กล้าจ้างงานบุคลากรใหม่ ๆ ขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะเลิกจ้างพนักงานเดิม เพื่อจะลดค่าใช้จ่ายจนกว่าสภานการณ์จะคลี่คลาย เนื่องจากผู้ประกอบการและบริษัท ยังต้องกังวลกับภาวะเงินเฟ้อ ความขาดตอนของห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนความผันผวนของตลาดหุ้นที่ถูกกระทบจากสงครามอีกด้วย ทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าจะทำให้ชะตาชีวิตคนจำนวนมากสั่นคลอนอย่างเลี่ยงไม่ได้ขณะเดียวกัน ชาวยูเครนจำนวนมากต้องอพยพหนีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่เข้าสู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรป โดยรัฐบาลหลายประเทศก็กำลังเร่งช่วยเหลือบรรเทาสถานการณ์ในการรองรับคลื่นผู้อพยพ ตลอดจนภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหางานให้ผู้อพยพชาวยูเครนอีกด้วยในฐานะบริษัทจัดหางานระดับโลก แมนพาวเวอร์กรุ๊ปแสดงความกังวลใจต่อปัญหาการสูญเสียงานที่เกิดขึ้น และประกาศจุดยืนเคียงข้างชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสงคราม โดยคุณโจนาส ไพรซ์ซิ่ง CEO และประธานบริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้ทวีตข้อความแสดงถึงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า“พวกเรากำลังจับตาโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยทีมงานของเราในประเทศใกล้เคียงได้เร่งให้ความช่วยเหลือแก่พนักงาน ลูกจ้าง และครอบครัวของพวกเขา เรายึดเอาสวัสดิภาพและความปลอดภัยของผู้คนเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกเสมอ และเราขอยืนหยัดร่วมกับทุกคนในการเรียกร้องสันติภาพ” (1 มีนาคม 2565)แน่นอนว่า แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ยังคงยึดมั่นปนิธานในการให้ความสำคัญกับ #PeopleFirst และเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวยูเครน ตลอดจนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามความรุนแรงในครั้งนี้ ให้ทุกคนปลอดภัยและสร้างโอกาสการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้ เพิ่มศักยภาพบุคลากรในตลาด ตลอดจนขับเคลื่อนเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย หากฟันเฟืองของเราทำงาน เราอาจสามารถสร้าง Butterfly Effect ในเชิงบวก ที่เริ่มต้นจากเพียงคนหนึ่งคน งานหนึ่งงาน ที่อาจช่วยบรรเทาให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายได้รวดเร็วขึ้นCr : Forbes , Reuters , The New York Times , Twitter - Jonas Prising
-
Butterfly Effect สงครามรัสเซีย-ยูเครน สะเทือนตลาดงาน
16 May 2022 -
เราทุ่มเทวันนี้ เพื่อโลกพรุ่งนี้ที่ดีกว่า --- แมนพาวเวอร์กรุ๊ป มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ 0% ภายในปี 2045
26 April 2022 แมนพาวเวอร์กรุ๊ปคือผู้นำในอุตสาหกรรมของเราในการตั้งเป้าหมายลดโลกร้อนตาม Science-based Targets (SBT)ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2021 บริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้ประกาศปฏิบัติตาม Science-based Targets initiative หรือ SBTi ซึ่งคือแนวทางมาตรฐานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและขับเคลื่อนการลดภาวะโลกร้อน เป้าหมายของเราคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานให้ได้มากถึง 60% และลดการปล่อยก๊าซของบริษัทในห่วงโซ่อุปทานลง 30% ภายในปี2030 โดยเป้าหมาย SBT ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปลกล็อกการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้แบบ 0% ภายในปี 2045 หรือเร็วกว่านั้น“ข้อตกลงจากการประชุม COP26 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เราประจักษ์ชัดเจนว่าภารกิจการลดภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดสำหรับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาครัฐ และผู้บริโภค” --- คุณโจนาส ไพรซ์ซิ่ง ประธานและ CEO แมนพาวเวอร์กรุ๊ป“เราเชื่อว่าข้อสำคัญของภารกิจนี้คือการมีมาตรวัดชัดเจนขณะเดียวกันต้องมีการจัดลำดับความสำคัญและการสื่อสารเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จด้วยการน้อมนำเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามSBTi จะทำให้เครือข่ายของเรา ซึ่งรวมถึงพนักงานลูกค้าแคนดิเดตซัพพลายเออร์กลุ่มผู้ลงทุนและเครือข่ายชุมชนไว้วางใจในความตั้งใจทุ่มเทที่เราทำเพื่อมนุษยชาติและโลกในการมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือ0% ให้ได้ในที่สุด” คุณโจนาส ไพรซ์ซิ่งกล่าวความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามนโยบายนี้คือความสำเร็จล่าสุดของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปในแผนปฏิบัติการลดภาวะโลกร้อนเพื่อที่จะสร้างมาตรฐานและลดผลกระทบแบบเต็มรูปแบบในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดตามที่ระบุในรายงาน Working to Change the World ซึ่งเป็นรายงานนโยบายด้าน ESG (Environment, Social, and Governance) ปี 2021 นอกจากนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ปยังดำเนินการอย่างจริงจังด้านความโปร่งใสโดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลแก่โครงการ Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นระยะเวลาต่อเนื่องนานถึง10 ปีและเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการปรับนโยบายให้สอดคล้องไปกับแนวทางปฏิบัติของกลุ่มงานการเปิดเผยข้อมูลด้านการเงินที่เกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อนหรือ Task Force of Climate-Related Financial Disclosures อีกด้วย ที่สำคัญกว่านั้นแมนพาวเวอร์กรุ๊ปได้เข้าไปมีส่วนร่วมในกลุ่ม CEO ผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของสภาเศรษฐกิจโลกโดยได้มีการร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำประเทศในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) เพื่อผลักดันอีกเป้าหมายสำคัญ คือการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจในภารกิจต้านภาวะโลกร้อนนั่นเอง“เราเชื่อว่าอนาคตที่สร้างบนพื้นฐานความร่วมมือจะสามารถสร้างผลสำเร็จในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว” --- คุณรูธ ฮาร์ปเปอร์ หัวหน้าด้านการสื่อสารและความยั่งยืนขององค์กรกล่าว โดยเสริมว่า “การตั้งเป้าและบรรลุเป้าหมายที่พิสูจน์ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ เป็นยุทธวิธีที่จะทำให้เราปฏิบัติได้เร็วขึ้นและมีส่วนร่วมด้วยกันมากขึ้นในการชะลอภัยพิบัติอันน่ากลัวจากภาวะโลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลกในปัจจุบัน และยังเป็นวิธีที่จะทำให้เราสร้างงาน สร้างความต้องการในทักษะใหม่ ๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและสร้างความยั่งยืนให้โลกอนาคตที่เต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทุกคน”SBTi ได้ยืนยันอย่างชัดเจนโดยมีข้อพิสูจน์เชิงวิทยาศาสตร์รองรับว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแมนพาวเวอร์กรุ๊ปนั้นเป็นไปตามมาตรฐานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำหนดอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสซึ่งนับเป็นการสนับสนุนที่สำคัญยิ่งต่อภารกิจต้านภาวะโลกร้อนร่วมไปกับอีกกว่า 1,000 องค์กรชั้นนำทั่วโลก ทั้งนี้ มีบริษัทเพียง 20% ของกว่า 4,200 บริษัทในกลุ่มประเทศ G20 ที่มีการตั้งเป้าการลดก๊าซเรือนกระจกที่อ้างอิงจากข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์โดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ปเป็นหนึ่งในนั้น
-
5 เทรนด์เทคโนโลยี ที่กำลังจะเปลี่ยนโลกธุรกิจในปี 2025 !!!
19 April 2022 5 เทรนด์เทคโนโลยี ที่กำลังจะเปลี่ยนโลกธุรกิจในปี 2025 !!!ปัจจุบันอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าโลกของเรานั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีทั้งสิ้น ยิ่งมีสถานการ์แพร่ระบาดโควิด 19 แล้วนั้น ยิ่งทำให้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และมนุษย์ก็พึ่งพามันมากขึ้น เนื่องจากนวัตกรรม เทคโนโลยีเหล่านี้มีความแม่นยำ และผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ จนกระทั่งมันเกิดเทรนด์ทางด้านเทคโนโลยี หรือไอที ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจได้เลยวันนี้แมนพาวเวอร์จะพาทุกคนมาดู 5 เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ที่คาดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกธุรกิจในปี 20251. ผู้ช่วยอัจฉริยะ Smart Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่ดำเนินโดย AI (Artificial Intelligence) กลายเป็นตัวช่วยสำคัญของมนุษย์ ในปี 2025 เชื่อว่าระบบคอมพิวเตอร์จะมีความฉลาดมากยิ่งขึ้น และสามารถตอบคำถามที่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์อาจจะยังหาคำตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งเดี๋ยวนี้งบประมาณในการทำ AI ไม่ได้สูงมากเหมือนยุคแรกๆ ดังนั้นหลายองค์กรเริ่มมีการนำ AI เข้ามาช่วยในด้านการทำงาน และแม้แต่คนทั่วไปเองก็หยิบ AI มาใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า AI ได้เข้าไปแทรกซึมอยู่ในทุกอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ เพราะมันได้ทำหน้าที่เสมือนมันสมองของมนุษย์ที่มีความถูกต้อง แม่นยำกว่า อีกทั้งยังสามารถเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้อีกด้วย2. เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูง 5G ปัจจุบันเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G หรืออุปกรณ์ที่เป็นระบบ IoT เริ่มมีใช้งานในภาคอุตสาหกรรมและองค์กรใหญ่ ๆ กันแล้ว จริงอยู่ว่าในช่วงระยะไม่กี่ปีนี้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Enterprise แต่ในปี 2025 เป็นต้นไป เทคโนโลยีการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงเหล่านี้จะกระจายตัวไปสู่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และมีแนวโน้มว่าในปี 2030 เรื่องของการเชื่อมต่อด้วย 5G จะครอบคลุมประชากรกว่า 80% ของประชากรโลก ดังนั้นจะมีหลายธุรกิจที่ได้ผลประโยชน์จากการพัฒนาของเทคโนโลยีตัวนี้ เช่น กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจสื่อทีวีและดิจิตัล 3. ระบบคอมพิวเตอร์คุณภาพสูง Cloud Computing Cloud เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในทุกๆด้าน ทั้งด้านระบบเครือข่าย ด้านการจัดเก็บข้อมูล ด้านการติดตั้งฐานข้อมูล หรือการใช้งานซอฟต์เฉพาะด้านในธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งใน 2-3 ปีมานี้ Cloud ถูกนำมาใช้ในองค์กรใหญ่ๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Public Cloud ก็คือการฝากข้อมูลไว้ที่ระบบของผู้ให้บริการด้านนี้ หรือจะเป็น Private Cloud ที่เป็นระบบเฉพาะขององค์กรนั้นๆเอง การใช้ Cloud นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ นอกจากจะไม่ต้องลงทุนในซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์แล้ว ยังทำให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจาก Cloud สามารถรองรับการขยายตัว สามารถตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้ทันท่วงที 4. เทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูง (Advanced robotics) Advanced Robotics มีความคล่องแคล่วและมีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น สามารถปฏิบัติงานที่ละเอียดอ่อนมากได้โดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังก่อให้เกิดประโยชน์ที่สำคัญแก่สังคมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ที่ช่วยทำการผ่าตัดแบบแผลเล็ก และหุ่นยนต์ที่ประกบกับตัวมนุษย์เพื่อช่วยการเคลื่อนไหวผู้พิการและผู้สูงอายุ5. เทคโนโลยีระบุตัวตน (Biometric technology) Biometrics เป็นเทคโนโลยีระบุตัวตน (Identification) และตรวจพิสูจน์ผู้ใช้ (Verification) โดยใช้เทคนิคการแปรค่าเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล (Personal identity) โดยนำลักษณะทั้งทางกายภาพและชีวภาพ มาวิเคราะห์และเปรียบเทียบความแตกต่าง ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิม ล่าสุดมีรายงานเผยออกมาว่าบริษัทกว่า 72 % กำลังวางแผนที่จะยกเลิกรหัสผ่านแบบเดิมภายในปี 2025 ซึ่งจะก่อให้เกิดการใช้รูปแบบการยืนยันตัวตนแบบใหม่อย่างใบหน้า เสียง ตา มือ และลายเซ็นด้วยเทคโนโลยีมากมายที่เกิดขึ้นในหลายด้าน จึงเป็นความท้าทายที่จะก้าวให้ทัน ทุกความก้าวหน้าถือเป็น “สิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อไป” จริงๆแล้ว ไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีที่สามารถส่งผลเปลี่ยนแปลงในสังคม และแวดวงธุรกิจได้ แต่อย่างที่ทุกคนได้อ่านมา บางสิ่งมันค่อนข้างจะอิมแพค สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทำให้องค์กรเองก็ต้องตื่นตัว Ready to adjust และ Up-to-date ตลอดเวลา เพื่อสร้างผลประโยชน์แก่องค์กรสูงสดส่วนใครที่ต้องการหาพนักงานคุณภาพ เพื่อพัฒนาธุรกิจ และก้าวสู่เทคโนโลยีอย่างมั่นใจ ติดต่อ Manpower ได้เลยนะคะ 🥰ค้นหาพนักงานคุณภาพ คลิก https://bit.ly/3KBGN2Dขอบคุณที่มาจาก PLURALSIGHT
-
เข้าใจ “ช่องว่างระหว่างวัย” เมื่อ Gen Y กับ Gen Z ต้องร่วมงานกัน
4 April 2022 เข้าใจ “ช่องว่างระหว่างวัย” เมื่อ Gen Y กับ Gen Z ต้องร่วมงานกัน ชาวออฟฟิศ วัยทำงานอย่างเราๆ ก็ต่างมีเพื่อนร่วมงานหลากหลายวัยใช่มั้ยคะ และเราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหลากหลายช่วงวัยนี้นับเป็น "ช่องว่างระหว่างวัย" หรือเราอาจจะเคยได้ยินคนพูดผ่านๆ ว่า "Generation Gap" และบางครั้งมันก็นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างการทำงานได้เช่นกันเอาล่ะ คิดว่าหลายๆองค์กร และหลายๆตัวบุคคลเอง ก็อาจจะกำลังเผชิญกับปัญหา "ช่องว่างระหว่างวัย" นี้อยู่เหมือนกัน ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายถึงเฉพาะแค่ตัวเลขนะคะยังรวมไปถึง ความคิด มุมมอง ทัศนคติ วิธีการทำงาน และอื่นๆอีกมากมายที่ล้วนเป็นผลมาจากวัยนั่นเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าพอมีความต่างของช่วงวัยแล้วจะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้นะคะ เพียงแต่เราอาจจะต้องเข้าใจลักษณะเฉพาะพิเศษของแต่ละช่วงวัยก่อนนิดนึงเท่านั้นเอง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆเลย อย่างวัยทำงานในปัจจุบันเนี่ย ส่วนมากในองค์กร เริ่มจะเป็น GEN Y และ GEN Z กันแล้ว โดยเฉพาะ GEN Y วันนี้ แมนพาวเวอร์จะพามาทำความรู้จัก และดูความต่างระหว่าง 2 GEN นี้กันค่ะ GEN-Y : กำลังสำคัญขององค์กรในปัจจุบัน ต้องบอกว่ายุคนี้คือเริ่มตั้งแต่คนที่เกิดในปี 1981 - 1996 ซึ่งมันคือยุคของการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี อย่างเช่น ทีวี จากอนาล็อก มาสู่จอดิจิตัล , โทรศัพท์มือถือจากมือกด มาสู่หน้าจอสัมผัส , อินเตอร์เนตที่ต่อกับโทรศัพท์บ้าน มาสู่อินเตอร์เนตไร้สาย หรืออะไรหลายๆอย่าง ซึ่งตรงนี้เนี่ย ทำให้การเข้าถึงข้อมูลของคนยุคนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถหาข้อมูล หลักฐานต่างๆมาหักล้างคำสอนของหลายๆคนได้ทันที คนยุคนี้จึงมีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูง รักที่จะได้ยินคำชมเชย ชอบอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบงการ ในด้านของการทำงาน นับว่า GEN Y ค่อนข้างมีความ "Multi-tasked" หรือสามารถทำอะไรหลายๆอย่างได้พร้อมกันอย่างมีประสิทธิภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ และทุ่มเทให้กับงาน แต่ในขณะเดียวกันคน GEN Y ก็รักที่จะ "Work-life balance" เช่นกัน พวกเขาไม่ได้เห็นความสำคัญของการทำงานดึกๆแบบถวายชีวิตหรืออะไร แค่รักที่จะทำงานในเวลางาน และผ่อนคลาย มีโลกของตัวเองในเวลาหลังเลิกงาน ดังนั้นหากมีงานที่ต้องมอบหมายให้คน GEN Y ทำ เราสามารถที่จะแจกแจงรายละเอียด และบอก Deadline ของงานชิ้นนั้นไปได้เลย และคน GEN Y จะจัดการทำต่อด้วยตัวเองจนสำเร็จตามเป้าหมาย โดยที่หัวหน้างาน หรือผู้ที่มอบหมายสามารถให้กำลังใจ และคอยซัพพอร์ตยามมีปัญหาเท่านั้นเอง GEN Z : เด็กจบใหม่ไฟแรงถ้าเปรียบกับ GEN Y ที่เติบโตมาในช่วงยุคเปลี่ยนผ่านจากความเก่า สู่ความใหม่ ทำให้มีความผสมผสานกันระหว่างความคิด มุมมองแบบเก่าและแบบใหม่ เรียกได้ว่า GEN Z ได้เข้ามาทำลายอะไรเก่าๆไปหมดเลย เพราะคนยุคนี้เนี่ยเติบโตมาในช่วงที่ทุกอย่างมันได้พัฒนาขึ้นอย่างสูงสุดแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจะมีความกล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างเด็ดขาด หากอะไรๆที่พวกเขามองว่ามันไม่มีประโยชน์กับโลกใบนี้แล้ว GEN Z ก็ยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นๆได้ เมื่อ GEN Z ก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว GEN Z จะมีความกระตือรือร้นในการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ กล้าแสดงออกชัดเจน กล้าตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ทำงานรวดเร็ว ว่องไว ไม่ยึดวิธีการ กังวลกับความไม่แน่นอนในอนาคต การทำงานร่วมกัน และลดปัญหา "ช่องว่างระหว่างวัย" ในองค์กรจริงๆเราอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะนิสัยเฉพาะของคนในแต่ละยุคได้ ซึ่งตรงนี้มันมีหลายปัจจัยมาก ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในยุคที่เติบโตมา สภาพแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มนุษย์ทุกคนสามารถปรับตัวได้ค่ะทุกคน แมนพาวเวอร์เชื่อว่ามนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ มีความคิดซับซ้อนอย่างมหัศจรรย์ ที่ทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นได้ค่ะ! โดยอาศัยความเข้าใจ และการปรับตัวเข้าหากัน จนเจอจุดตรงกลาง เพื่อที่ทุกฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันและก้าวไปสู่เป้าหมายเดียวกันได้อย่างสำเร็จนะคะ หากใครกำลังเจอปัญหา "เรื่องช่องว่างระหว่างวัย" ในการทำงานอยู่ล่ะก็ แมนพาวเวอร์ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นไปได้นะคะ หากเรามองว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ใครๆก็เจอ แค่ต้องทำความเข้าใจ และก้าวผ่านมันไปอย่างบสุดสตรองก็พอค่ะ 😊 มองหางานคุณภาพ เปิดรับสมัครทั้ง Gen Y และ Gen Z คลิก https://bit.ly/3j33sJeขอบคุณที่มาจาก https://academyflex.com/generation-gaps-in-the-workplace/และhttps://www.sanook.com/campus/1400531/
-
อัพเดตเทรนด์ 7 อาชีพมาแรง สายเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลก่อนใคร !!!
21 March 2022 ในยุคปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในระดับองค์กร หรือการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงอาชีพด้านไอทีกลายเป็นที่ต้องการของหลายๆธุรกิจและกลายเป็นอาชีพในฝันสำหรับหลายๆคนเพราะนอกจากเนื้องาน มีความท้าทายสูงแล้ว ผลตอบแทนยังดีมากอีกด้วย 🤑💰วันนี้ Manpowerจึงได้ทำการสำรวจตลาดและรวบรวม 7อาชีพมาแรงสายเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลฉบับอัพเดต🔥🔥 เพื่อเป็นไอเดียสำหรับน้องๆจบใหม่และพี่ๆสายไอทีมืออาชีพ ที่กำลังมองหางานใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม หรือ กำลังไม่แน่ใจว่างานตำแหน่งนี้เหมาะสมกับตัวเราหรือไม่ 🤔❓ จะมีงานอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยค่ะ 1. Programmer โปรแกรมเมอร์ หรือ นักเขียนโปรแกรม เป็นตำแหน่งที่มาแรงสุดๆ และยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องเพราะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไอทีและดิจิทัลมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจึงเรียกได้ว่าเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานและเป็นอาชีพที่สามารถต่อยอดหรือปรับเปลี่ยนไปสายงานที่ใกล้เคียงได้ ไม่ว่าจะเป็น Website, Web application, Mobile application รวมถึงการเริ่มต้นทำกิจการที่เป็นเจ้าของเองก็ยังได้สำหรับหน้าที่หลักของงานนี้ คือ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยใช้ภาษาทางโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 2-3 ภาษา เช่น ภาษา HTML, CSS, JavaScript, ReactJS, AngularJS, VueJS, NodeJS, Java, PHP, Python, Golang, R, .Net (C#, ASP, VB), สั่งการให้คอมพิวเตอร์หรือแอพพลิเคชั่นให้ทำตามที่เราต้องการ ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 35K-115K บาท เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ทักษะทางเทคนิค และระดับความยากของเนื้องานด้วยนะคะ)หากใครที่กำลังมองหางานนี้ล่ะก็ Manpower ขอกระซิบว่า นอกเหนือจากความสามารถด้านไอทีแล้วนั้น คุณจะต้องเป็นคนที่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆก็พัฒนาอยู่เสมอ ตัวโปรแกรมเมอร์เองก็ต้องพัฒนาตามให้ทัน รวมถึงหากคุณมีความพร้อมเป็นพิเศษ ในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ จะได้เปรียบคู่แข่งที่มีอยู่มากมายในตลาดค่ะเพราะอาชีพนี้ นอกจากจะเป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงานไทยแล้ว ยังเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดแรงงานโลกอีกด้วยหรือถ้าได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทต่างชาติในไทย ก็มีโอกาสที่จะได้รายได้ที่ปรับสูงขึ้นสนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs2. Developer (Web/ Application/ Mobile) เราเรียกคนเหล่านี้ว่า "นักสร้าง" และ "นักพัฒนา"ค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าโปรดักส์ที่สร้างและพัฒนานั้นคืออะไร ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น ซึ่งสายงานนี้ส่วนใหญ่มักจะต่อยอดมากจาก Programmerนั่นเอง ซึ่งตัวDeveloperนั้นจะต้องสามารถเขียน และสร้างผลิตภัณฑ์ ออกแบบ วางแผน เขียนโค้ด รวมทั้งบริหารทั้งโปรเจคให้ผ่านไปด้วยดีในทุกขั้นตอน ซึ่งมักจะต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าCoderและมีการแบ่งแยกความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในด้านใดด้านหนึ่ง หรือมากกว่า จนหลายคนมองว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์จะต้องเก่ง และมีความเป็นมืออาชีพมาก เนื่องจากสามารถทำงานได้ทุกขั้นตอนได้ด้วยตัวเองเลยค่ะซึ่ง Developer ที่จะประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ทักษะด้านการ Coding อย่างเดียว แต่จำเป็นต้องมีทักษะพื้นฐานด้านอื่นๆด้วย เช่น Containers (Docker และ Kubernetes), Cloud Platform (AWS, GCP, หรือ Azure), Microservices, Framework, Data Structure,Algorithm, Version Control Tool, IDEs (Integrated Development Environment), Database & SQL และ OOP Programming language HTML, CSS, JavaScript, ReactJS, AngularJS, VueJS, NodeJS, Java, PHP, Python, Golang, R, .Net (C#, ASP, VB)นอกจากทักษะด้าน Hard skills แล้ว สิ่งที่จะทำให้ Developer ทั้งหลายนั้นโดดเด่นเป็นสง่า มีออร่าพุ่งออกมาอย่างแตกต่างจากคนอื่นในสนามแข่ง ก็คือ ทักษะด้าน Soft Skills นั่นเองค่ะ เช่น ความสามารถในการสื่อสาร รับฟังอย่างเข้าใจ การเข้าใจความต้องการทางธุรกิจ การประสานงานและการแก้ปัญหา รวมถึง ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี (ก็อย่างที่ทราบนะคะว่า Developer หลายๆคน อาจจะเก่งมากจนไม่สามารถทำงานร่วมกับคนในทีมได้) ดังนั้น ถ้า Developer คนไหน สามารถพัฒนาตัวเองให้เด่นทั้ง Hard Skills และ Soft Skills แล้วล่ะก็ รับรองว่าต้องเนื้อหอมสุดๆไปเลยค่ะส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 35K-125K บาท (ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ)สนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs3. Software Engineerมาต่อกันที่ อาชีพสุดฮอตกว่าอากาศไทยแลนด์ของเรา สายงานนี้เรียกได้ว่า ร้อนแรงสุดๆหยุดไม่อยู่ เพราะมีความสำคัญอย่างมากต่อองค์กร และมีความต้องการสูงมากในตลาดแรงงานในทุกๆอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร การเงิน โทรคมนาคม ค้าปลีก อี-คอมเมิร์ซ โลจิสติกส์ การผลิตการแพทย์ วิทยาศาสตร์ พลังงาน หรือ เทคโนโลยี หน้าที่ของ Software Engineerหรือ"นักวิศวกรซอฟต์แวร์"ก็คือ การทำงานวิจัย ออกแบบซึ่งเริ่มตั้งแต่การรับrequirementวิเคราะห์เพื่อออกแบบขึ้นมาเป็นระบบ พัฒนา เขียนcodingและปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาฮาร์ดแวร์ขององค์กรให้มีความทันสมัย และตอบโจทย์การใช้งานในด้านต่างๆ รวมถึงควบคุม และป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดในองค์กรที่อาจส่งผลต่อความเสียหายมูลค่ามหาศาลของบริษัท เช่น ในบริษัทด้านการลงทุน หากลูกค้าติดปัญหาในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างลงทุน ก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นขององค์กร เป็นต้นซึ่งการที่จะได้มาอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญแบบนี้นั้น คุณอาจจะต้องจบการศึกษาเฉพาะทางเท่านั้น เช่น วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งในไทยอาจจะมีหลักสูตรเปิดสอนไม่มากนักแต่หากใครคิดจะเรียนต่อยอดในสายนี้แล้วล่ะก็ รับรองว่าคุ้มแน่นอน เพราะคนที่จบโดยตรงจากสายงานนี้ ยังสามารถเลือกทำงานได้ในหลายตำแหน่งเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Technical, IT Project Manager,Technical Consultant, Software Architect, System Analyst, Scrum Master และ Programmerส่วนผลตอบแทน หรือรายได้นั้น หากคุณเดินทางมาจนถึง Software Engineerระดับสูงแล้วล่ะก็ คุณอาจมีรายได้มากกว่าระดับผู้บริหารเสียอีก รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่40K-155Kบาท(ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ)เพราะระบบซอฟต์แวร์ภายในองค์กรนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และต้องการผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยตรงเพื่อเข้ามาดูแล และรับผิดชอบงานในส่วนนี้ค่ะสนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs4.Data Scientist (นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล)หน้าที่หลักของ Data Scientist คือ การนำข้อมูลที่มีมาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคขั้นสูง เช่น Machine Learning , Optimization เพื่อนำข้อมูลที่วิเคราะห์ได้ นำไปใช้ประโยชน์ตามจุดประสงค์ที่ต้องการ หรือ เพื่อนำมาตอบคำถามที่สำคัญทางธุรกิจ เช่น ข้อมูลต่างๆของลูกค้า ชนิดของสินค้าที่ขายดี จำนวนสินค้าที่ขายได้จากแต่ละสาขา แรงจูงใจของผู้ซื้อ เป็นต้น สิ่งที่ Data Scientist จะทำ คือ เขาจะต้องเอาข้อมูลต่างๆมาวิเคราะห์ว่า สินค้าไหนขายดี สาขาไหนยอดขายน้อย ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเวลาไหนเพื่อวิเคราะห์ในการจัดรูปแบบระบบขนส่งให้ดีขึ้น หรือทำโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง (Personalisation) ตามความชอบของกลุ่มลูกค้าและสายงานนี้ก็ยังมีความเนื้อหอมที่จะถูกจีบไปอยู่ได้ในทุกประเภทของธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจที่ขับเคลื่อนในการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ยิ่งต่างพากันแย่งตัว Data Scientist ไปร่วมงานเพื่อเข้าถึง Insight ของข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า/ตลาด และนำมาสร้างเป็น value ต่อยอดให้กับธุรกิจให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนั่นเองส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 40K-200K บาท (ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ) เลยทีเดียว ถือว่าเป็นอีกอาชีพที่น่าจับตา และสามารถทำเงินได้มากถึง 6 หลักเลย น่าอิจฉาจัง!สำหรับการเตรียมพร้อมสู่สายอาชีพนี้ หากอยากจะเอาชนะคู่แข่งในตลาด Manpowerขอแนะนำว่า ควรจะฝึกฝนให้มีความชำนาญในเรื่องสถิติ เพราะสำคัญเป็นอย่างมากในการใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และควรจะมีความถนัด และชื่นชอบในคณิตศาสตร์ หรือเรียกง่ายๆว่าไม่กลัวตัวเลข เพราะจะต้องอยู่กับข้อมูลจำนวนมาก (Big Data)ตลอดเวลานั่นเองหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบคณิตศาสตร์ ชอบเรื่องสถิติ แถมยังชอบศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Data ตลอดเวลา ถือว่าคุณมีแววเป็น Data Scientist มือหนึ่งแล้วล่ะ อย่าเพิ่งยอมแพ้เชียว! สนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs5. Data EngineerData Engineer หรือที่เรียกกันว่า "นักรวบรวมข้อมูล" หรือ “วิศวกรข้อมูล” คือ ผู้ที่มีหน้าที่ในการนำข้อมูลที่อยู่กระจัดกระจายจากต้นทาง (Data Source) ไปจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบในระบบเก็บข้อมูล เช่น Database, Data Warehouse, หรือ Data Lake พร้อมทั้งเป็นส่วนสำคัญในการทำ ETL (Extract-Transform-Load) ข้อมูลต่างๆเพื่อให้คนในองค์กรสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์ได้ง่ายๆ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะส่งต่อข้อมูลให้กับ Data Scientist เพื่อนำไปวิเคราะห์เชิงลึกอีกทีค่ะ) ซึ่งอาชีพนี้ ถือว่าฮอตสุดๆสำหรับเด็กจบใหม่หลายๆคนเลยนะคะ เพราะบางที่ก็ไม่ได้ต้องการประสบการณ์ในการทำงานมากนัก เพียงแต่ผู้สมัครจะมีความรู้ และความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการทำข้อมูลค่ะ แล้วเราควรมีความรู้พื้นฐานอะไรมาก่อนบ้าง?ที่สำคัญเลย คือ พื้นฐานด้านSoftware Engineeringหรือ ความสามารถพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมค่ะ ซึ่งData Engineerนั้นอาจจะไม่ต้องถึงกับเขียนโค้ดได้ระดับเทพ แต่ก็ต้องพอมีพื้นฐานและสามารถเขียนโปรแกรมได้ รวมถึงอ่านโค้ดเข้าใจได้ในระดับนึง ซึ่งหากData Engineerคนไหนที่เขียนโค้ดแม่นมากๆ ก็จะสามารถต่อยอดไปเป็นMachine Learning Engineerได้นอกจากนั้น ควรจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการออกแบบ Database,วิธีเขียน และอ่านERD (Entity Relationship Diagram), Normal Formว่าแต่ละระดับแตกต่างกันอย่างไรรวมถึง วิธีแก้ปัญหาDatabaseเบื้องต้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ความเข้าใจในภาษาShell ScriptและภาษาSQL (Structured Query Language) ซึ่งเป็นภาษาทั่วไปที่จำเป็นต้องใช้ในการดึงข้อมูล และจัดการกับข้อมูลจำนวนมากอย่างBig Dataนั่นเองค่ะส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่30K-125Kบาท (ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ)เรียกได้ว่าสมน้ำสมเนื้อกับแรงกาย แรงใจที่ทุ่มเทให้กับงานเลยล่ะค่ะ สนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs6. Cloud & Infrastructureหลายๆคนอาจจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักกับตำแหน่งในสายงานนี้ ว่าจริงๆแล้วเค้าต้องทำอะไรกันแน่ แต่จริงๆแล้ว Cloud & Infrastructure มีความสำคัญอย่างมาก และยังคงเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดแรงงานอีกด้วยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของคลาวด์คอมพิวติ้ง เพราะเขาคือผู้ที่ดูแลหัวใจของระบบโครงสร้างไอทีในองค์กร หรือ ถ้าจะเปรียบการวางระบบไอทีในสำนักงานกับการสร้างบ้าน Cloud &Infrastructure ก็เปรียบได้กับ สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญผู้ที่มาออกแบบวางสถาปัตยกรรมและโครงสร้างของบ้านนั่นเอง การออกแบบด้านระบบไอทีให้กับองค์กรนั้น เป็นงานที่จำเป็นจะต้องอาศัยผู้ที่ชำนาญเฉพาะทางจริงๆ จึงจะออกแบบมาได้ครอบคลุม และตอบโจทย์ประสิทธิภาพการใช้งานของทุกๆคนในองค์กร หรือ ตำแหน่งงานนี้ในบางบริษัทอาจจะครอบคลุมแค่ในส่วนของการดูแล และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเท่านั้นส่วนองค์ประกอบหลักๆของงาน Infrastructure ก็จะสามารถแบ่งได้เป็น งานด้านออกแบบ การติดตั้ง และวางระบบ Cloud, System/Server, Network, การสร้างและการจัดการ Data Center, การจัดซื้อ และเลือกใช้ Storage, การเลือกใช้ระบบปฏิบัติการ, การ Backup ข้อมูล, และดูแลความปลอดภัยของโครงสร้างของระบบโดยรวมค่ะ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกส่วนงานที่เป็นกระดูกสันหลังทางด้าน IT ขององค์กรเลยถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจจะสมัครงานในด้านนี้แล้วล่ะก็ สิ่งที่จะทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ก็คือ คุณจำเป็นที่จะมีความรู้ และชำนาญในระบบ IT Infrastructureตัวจริง ซึ่งรวมถึงมีความรู้เกี่ยวกับทั้งระบบเก่าและใหม่ที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งในปัจจุบันค่ะ ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่25K-180Kบาท(ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ)สนใจหาตำแหน่งงานด้าน ITคลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs7. AI / Machine Learning Engineerเป็นอีกหนึ่งสายงานเนื้อหอมที่มาแรงแซงโค้งและมีแนวโน้มจะเป็นที่ต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน ยิ่งในยุคของการเติบโตก้าวล้ำของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) รวมไปถึงหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ(Robotic & Automation) ยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดความต้องการในสายงานนี้อย่างต่อเนื่องMachine Learning Engineerต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับML Modelเพื่อ Train ระบบ สร้างการเรียนรู้ใหม่ๆนำไปต่อยอดและสร้าง APIให้สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ รวมไปถึงมีหน้าที่ดูแลและตรวจสอบระบบในการทำงานต่อไปในสายงานนี้จะต้องมีความสามารถและทักษะในการใช้เครื่องมือไม่ว่าจะเป็นPython, Java, Docker, Kubernetes, TensorFlow, PyTorch, Caffe, Keras, CI&CD, Linux, Cloud Platformsต่างๆ รวมไปถึงต้องมีทักษะที่สำคัญในการCodingเข้าใจAlgorithmsและData Structureด้วยค่ะส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของตำแหน่งนี้จะอยู่ที่ 40K – 165K บาท (ตามระดับงานและประสบการณ์ค่ะ) คุ้มค่ากับทักษะและความสามารถแน่นอนสนใจหาตำแหน่งงานด้าน IT คลิกhttps://www.manpowerthailand.com/jobs/it-jobs
-
เทรนด์ที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นความเร่งด่วนใหม่
23 February 2022 เทรนด์ที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นความเร่งด่วนใหม่ตลาดแรงงานมีพลวัตและเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน: บ้างก็เป็นไปตามรอบระยะเวลา บ้างก็เป็นเรื่องของโครงสร้าง และยังอาจเป็นผลมาจากโรคระบาดอย่างที่เราเพิ่งพบเมื่อเร็วๆ นี้ เราคิดว่าความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดส่วนใหญ่เป็นเรื่องชั่วคราว แต่เวลาสำหรับความปกติใหม่เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน • การฟื้นตัวนี้ไม่เหมือนกับที่เราเคยเห็นมาก่อน – ความต้องการแรงงานทักษะสูงเป็นประวัติการณ์ในหลายประเทศที่ระดับการว่างงานยังคงสูง ในขณะที่การมีส่วนร่วมของแรงงานกลับซบเซา • การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกันยังคงดำเนินต่อไป – ในขณะที่บางตลาดกำลังฟื้นตัวได้ดีแต่บางตลาดกลับยังคงอ่อนแรง และถูกซ้ำเติมด้วยโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ, อัตราการฉีดวัคซีนและความท้าทายต่อห่วงโซ่อุปทานที่เคยมีมีประสิทธิภาพสูงมาก • การทดลองวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย การทำงานแบบผสมผสานและการทำงานที่บ้าน (เดิมเรียกว่า ‘Telecommuting’ หรือ การสื่อสารโทรคมนาคม) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2565 • นายจ้างยังพยายามมองหาทางออกด้านแรงงานที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการที่แข็งแกร่งในวันนี้ และการสร้างมูลค่าอย่างยั่งยืนในระยะยาว ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม (EN/TH)
-
อัปเดตความรู้ด้านการหางานไอที
22 February 2022 เอ็กซ์พีริส ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไอที ชวนคุณอัพสกิลเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองไปกับ “Career Resources” ไม่ว่าจะเป็น การแนะนำแนวทางการเขียนเรซูเม่, การเขียนจดหมายสมัครงาน, การเขียนบุคคลอ้างอิง (References), เทคนิคระหว่างการสัมภาษณ์งาน และอื่นๆ อีกมากมายก้าวสู่ความสำเร็จกับเอ็กซ์พีริสคลิก https://bit.ly/36v5pbqอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Know Your Optionsคลิก http://bit.ly/3qDA8KRอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - WorkSmart During COVID-19คลิก http://bit.ly/3qtiI3hอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Get The Word Outคลิก http://bit.ly/3ekiHw3อัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Is Your Resume Ready?คลิก http://bit.ly/3cj655Kอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Get Ready for The Interviewคลิก http://bit.ly/3qw7ZVGอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Make Your References Support Your Pursuitคลิก http://bit.ly/3sWvM2Kอัปเดตความรู้ด้านการหางาน IT - Diversity and Inclusionคลิก http://bit.ly/3eqq9Wy
-
อัพสกิลเอาใจคนIT
22 February 2022 ติดตามเนื้อหาสาระที่คนไอทีต้องรู้ไปกับ powerYOU ที่พร้อมพัฒนาทักษะด้านไอที ช่วยเติมเต็มศักยภาพของคุณ ตั้งแต่พื้นฐานของเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ไปจนถึงการจัดการธุรกิจกว่า 26 สาขา แบบฟรีๆ ได้แล้ววันนี้ กับเว็บไซต์ www.experisth.comอัพสกิลด้าน Artificial Intelligence (AI)คลิก http://bit.ly/3lcJTyaอัพสกิลด้าน Google Cloud (GCP)คลิก http://bit.ly/3vksNTRอัพสกิลด้าน Big Dataคลิก http://bit.ly/3lcVSMgอัพสกิลด้าน Swiftคลิก http://bit.ly/3cvQuQzอัพสกิลด้าน Internet of Things (IoT)คลิก http://bit.ly/3qGqS8xอัพสกิลด้าน Blockchainคลิก http://bit.ly/3vmiQ8fอัพสกิลด้าน SAPคลิก http://bit.ly/3rIQy5Wอัพสกิลด้าน .Netคลิก http://bit.ly/3exrlYbอัพสกิลด้าน Reactคลิก http://bit.ly/38B9mwj
-
Soft skills for IT people to advance in work
22 February 2022 6 ทักษะทางด้าน Soft Skill ที่คน IT ยังขาดอยู่ เพื่อพัฒนาให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุค Digitalหากมีติดตัวเอารับรองช่วยให้เติบโตในหน้าที่การงานได้ง่าย· ความสามารถในการมองภาพใหญ่ให้ออกหากเข้าใจในภาพรวมโครงสร้าง ว่ามีผลกระทบต่อส่วนไหน และนำไปผสมผสานอย่างไรก็จะทำให้งานเป็นไปได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และมีโอกาสประสบความสำเร็จที่สูงขึ้น· การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้ามองในมุมมองของลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาและปรับใช้ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุดรวมทั้งคาดการณ์ปัญหาล่วงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย· ทักษะทางด้านการให้คำปรึกษาและคำแนะนำนอกจากความรู้และความสามารถทางด้าน IT แล้ว ความสามารถในการการสื่อสารและให้คำปรึกษานั้นก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่คน IT ต้องพัฒนาเพื่อให้การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ในแผนกอื่นเข้าใจประเด็นต่างๆ · ความรู้ด้านการตลาด และการโปรโมทเทคโนโลยีคน IT ควรจะต้องทำก็คือการเห็นคุณค่าของผลงานของตนเองและสื่อสารคุณค่าให้คนในองค์กรเข้าใจด้วย· ความสามารถในการนำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ· จิตใจที่พร้อมเปิดรับเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำมาประยุกต์และสร้างคุณค่าให้กับองค์กรขอขอบคุณข้อมูลจาก UIH
-
ดัชนีแรงงานภาพรวมการวิเคราะห์ระดับโลกประจำปี พ.ศ. 2564
24 January 2022 ดัชนีแรงงานภาพรวมได้วัดความสะดวกในการจัดหา, การว่าจ้างและการรักษาพนักงานชั่วคราวและพนักงานประจำ มาเป็นระยะเวลาแปดปีแล้ว ดัชนีแรงงานภาพรวมเป็นดัชนีเดียวในการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ มากกว่า 200 รายการ ในตลาดแรงงานที่แข่งขันกัน 75 แห่ง โดยให้มุมมองเชิงเปรียบเทียบที่ครอบคลุมเกี่ยวกับสี่ประเภทหลัก ได้แก่ การจัดหาแรงงาน, ความคุ้มค่า, ระเบียบข้อบังคับและประสิทธิผลของแรงงาน เอกสารฉบับนี้จะพิจารณาข้อมูล TWI ระดับมหภาคอย่างละเอียดยิ่งขึ้นเพื่อระบุลักษณะตลาดของตลาดที่เติบโตเต็มที่, ตลาดเกิดใหม่และตลาดที่อยู่ในกระบวนการบ่มเพาะ โดยพิจารณาเฉพาะโอกาสสำหรับการลงทุนในกลุ่มเติบโตหลักสามกลุ่ม ได้แก่ บริการดิจิทัล, การผลิตขั้นสูงและพลังงานสะอาด รายงานฉบับย่อสามฉบับจะถูกเผยแพร่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมและกลยุทธ์ ที่นำไปใช้ได้จริงในการดูแลและรักษาบุคลากรศักยภาพสูงที่องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีเพื่อที่จะเติบโตดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม (EN/TH)
-
EEC พลิกฟื้นเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน
21 December 2021 ข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเวทีเสวนาออนไลน์ หัวข้อ “EEC MOVING FORWARD สร้างโอกาส พร้อมขับเคลื่อน สู่ความยั่งยืน” เจาะลึกติดตามบทบาทและยุทธศาสตร์การพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมไทยใน EEC แนวโน้มและอนาคตของ EEC ความท้าทาย พลิกวิกฤตสู่โอกาส ด้านวิกฤตขาดแคลนแรงงาน การรับมือสถานการณ์โควิดและการขับเคลื่อนองค์กรสู่โรงงานแห่งอนาคต พร้อมด้วยกลยุทธ์สร้างความสำเร็จของผู้ประกอบการ EEC สู่ความยั่งยืน จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจ, เศรษฐกิจการค้าและการพัฒนาชั้นนำของประเทศสำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก Eastern Economic Corridor : EEC เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ปัจจุบันเป็นที่ตั้งและลงทุนของบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเพิ่มขีดความสามารถศักยภาพของอุตสาหกรรมไทย พร้อมการลงทุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ประกอบการไทย จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องมา 2 ปี ภาคอุตสาหกรรมการผลิตใน EEC อาจจะได้รับผลกระทบบ้างในช่วงแรก แต่ด้วยการปรับตัวและเตรียมแผนรองรับของหลายองค์กรทำให้สามารถบริหารจัดการให้สายการผลิตเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่กำลังฟื้นตัว นับได้ว่า EEC เป็นพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สร้างโอกาส สร้างงานและการลงทุนที่น่าจับตาอย่างมาก ล่าสุดจากเวทีเสวนาออนไลน์ หัวข้อ “EEC MOVING FORWARD สร้างโอกาส พร้อมขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน”โดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ขอสรุปมุมมองจากวิทยากร ประเด็นหลักของการสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้พลิกฟื้น คือ การให้ความสำคัญขององค์กรจากระดับโลกและไทย ในด้านความปลอดภัยกับวิกฤตโควิดครั้งนี้ หลายองค์กรต้องนำมาตรการดูแลพนักงานทุกด้านตั้งแต่การเดินทาง การเข้าปฏิบัติงาน การตรวจหาเชื้อโควิด การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่จะเพิ่มขึ้น พร้อมการพัฒนาศักยภาพแรงงานโดยการอัปสกิลและรีสกิล เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงความคิดเห็นในมุมมองด้านการขาดแคลนแรงงานทั้งแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ติดเงื่อนไขมาตรการความปลอดภัยจึงไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ตามปกติ ซึ่งจากปัจจัยด้งกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการใน EEC ต้องปรับแผนการดำเนินงานทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว เพื่อจะรับมือสถานการณ์ปัจจุบันและในอนาคต อีกทั้ง การรับมือด้านการขาดแคลนแรงงานในบางองค์กรที่เตรียมลงทุนโดยการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในไลน์การผลิตจากเดิมในแผนลงทุนที่อาจจะหลายปีก็ปรับให้เร็วขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทางด้านสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตแบ่งเป็น 3 ส่วน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และพีเพิลแวร์ พร้อมด้วยการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาอย่างบูรณาการ นอกจากนี้ ทางด้าน แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมแรงงานระดับโลก ได้ทำโครงการความร่วมมือกับภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม ในการพัฒนาและฝึกงานของนักศึกษาเพื่อให้สอดคล้องและตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ภาพรวมของตลาดแรงงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรอย่างต่อเนื่องตามที่ภาคอุตสาหกรรมได้แบ่งปันจะเป็นแรงงานรองรับกับอุตสาหกรรมส่งออกขณะนี้รัฐวางโครงสร้างฯ รับการลงทุน และสร้างบรรยากาศความพร้อม เสริมทักษะคนอย่างบูรณาการดร.ชลจิต วรวังโส วีรกุล ผู้ช่วยเลขาธิการด้านเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี แบ่งงานออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการส่วนต่อขยายของท่าเรือมาบตาพุดและท่าเรือแหลมฉบัง งานยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 อุตสาหกรรม และงานพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น งานด้านการศึกษา สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคืบหน้าไปได้ตามเป้าหมายแล้ว สำหรับงบที่ได้รับการอนุมัติใช้ลงทุนใน EEC ปี 2561-2564 ราว 1.6 ล้านล้านบาททั้งจากภาครัฐและเอกชน แบ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก ส่งเสริมการลงทุนโดย BOI และงบบูรณาการ นอกจากนี้ยังมีการอัดฉีดงบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Digital Smart Electronics), อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub), อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics), อุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่และอาหาร พร้อมด้วยอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ รวม 400,000 ล้านบาทต่อปี พร้อมด้วยการยกระดับชุมชนและประชาชนด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนถึงระดับหมู่บ้าน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อหารายได้ (ตลาดสด/ อี-คอมเมิร์ซ) ด้านการศึกษาและสาธารณสุข เป็นต้น ซึ่งทุกภาคส่วนขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างบูรณาการทั้งนี้ การขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคตแบ่งเป็น 3 ส่วน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และพีเพิลแวร์ สำหรับฮาร์ดแวร์บางอย่างต้องลงทุนเพื่อทรานส์ฟอร์เมชันแต่ต้องลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ทางด้านซอฟต์แวร์มองว่าเป็นการลงทุนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์วันนี้ก้าวมาในยุคดิจิทัล ปีที่ผ่านจนถึงวันนี้โต 40% ในการนำระบบออโตเมชันเข้ามาใช้ในการผลิต สิ่งสำคัญคือการบูรณาการสิ่งที่มีกับเทคโนฯ ที่เข้ามาให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด ในส่วนของพีเพิลแวร์ คีย์สำคัญคือการคอนเนกซ์ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการบูรณาการและการปรับตัว ตัวอย่าง ปัจจุบันหลายคนจะใช้แอปพลิเคชันเกี่ยวกับโควิดหลายตัว เพื่อนำใช้งานและตรวจสอบข้อมูล รวมทั้งแอปพลิเคชันในการสมัครงาน ซึ่งสิ่งสำคัญในการใช้เครื่องมือที่เรียนรู้ไปด้วยกันเพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่กับทุกคน พอเรียนรู้แล้วก็ปรับตัวนอกจากนี้ สำนักงานฯ มีการพัฒนาทักษะบุคลากรไปแล้วกว่า 4.75 แสนตำแหน่ง ซึ่งโจทย์คือต้องบริหารจัดการอย่างไร เพราะจะมีทักษะใหม่ๆ บางอย่างเกิดขึ้นอยู่ตลอด ในส่วนของแรงงานมีทั้งขาดและเกินซึ่งต้องทำอย่างไรให้ทั้งสองส่วนมีความสมดุลกัน พร้อมกันนี้ เพื่อเป็นแนวทางการทำงานสำนักงานฯ ทำงานแบบคู่ขนานกันกับโครงสร้างพื้นฐานก็คือ ด้านการพัฒนาทักษะบุคลากร ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันในยุคทรานส์ฟอร์มนี้ไม่สามารถโดดไปทำคนเดียวได้อีกทั้งยังมีการทำงานร่วมกันกับกระทรวงศึกษาฯ กระทรวง อว. สำหรับงบในการบูรณาการด้านการศึกษาไม่ได้นำไปลงทุนซื้อเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรเพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงสร้างแรงจูงใจ (incentive) ให้กับสถานประกอบการบริจาคเครื่องจักรและได้รับสิทธิประโยชน์นำไปลดหย่อนภาษี ซึ่งสำนักงานฯ ได้นำโมเดลที่ทำร่วมกับภาคอุตสาหกรรม มิตซูบิชิ อีเล็คทริค และภาคการศึกษา ม.บูรพา ในการทำ Automation Park ที่เป็นศูนย์พัฒนาทักษะบุคลากรด้านออโตเมชัน พร้อมกันนี้ ยังได้จัดทำโมเดลร่วมกับผู้ประกอบการจัดทำหลักสูตรเป็นคอร์สอบรมระยะสั้น โดยสำนักงานฯ สนับสนุน 50% และภาคธุรกิจสนับสนุน 50% ซึ่งเงินในการจ่ายเพื่ออบรมบุคลากรยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยตามเงื่อนไข ทั้งนี้ หน้าที่ของสำนักงานฯ คือ การสร้างบรรยากาศและส่งเสริมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการ โดยการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและการประสานความร่วมมือ แลกเปลี่ยนมุมมองความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมจริงๆ เพื่อให้เราสามารถสนับสนุนและส่งเสริมได้ตอบโจทย์มากที่สุดเตรียมแผนรับมือ-ยืดหยุ่น ในทุกวิกฤตนางสาวปิยนุช วิชิตะกุล Purchasing Director Global Business Services Purchases, P&G Asia, Middle East and Africa มีมุมมองว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด ภาคอุตสาหกรรมไม่สามารถทำงานในรูปแบบ WFH ได้ ดังนั้น การกำหนดมาตรการความปลอดภัยตามมาตรการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำตั้งแต่การเดินทางจัดรถรับส่งที่นั่งแบบเว้นระยะ การตรวจโควิด ทั้งพนักงานของเราและคู่ค้า ในส่วนของการฉีดวัคซีนบริษัทดูแลพนักงานและครอบครัวเพื่อให้ปลอดภัยอย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญความปลอดภัยต้องมาก่อนหากบางส่วนงานต้องเลื่อนการผลิต จากปัญหาที่หลายองค์กรต้องเผชิญในวิกฤตโควิดการขาดแคลนแรงงาน ดังนั้น การวางแผนที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ โดยการหาแรงงานเข้ามาเติมในวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องยากกับการบริหารจัดการเพราะทุกพื้นที่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ดังนั้นบริษัทจึงต้องวางแนวทางการรับมือทั้งด้านการสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในสถานการณ์นี้ ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้โดยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งทุกฝ่ายเดินหน้าไปด้วยกันนอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดยังไม่อาจประเมินได้ว่าจะอยู่กับเราอีกนานแค่ไหน ดังนั้น จึงต้องเตรียมการบริหารจัดการและทำแผนระยะสั้น ระยะยาว จากปัจจัยข้างต้น วิกฤตด้านกำลังคนเป็นเรื่องที่เกินการควบคุมและยากในการบริหารจัดการ ซึ่งทางองค์กรจึงมีการปรับแผนที่จะนำเครื่องจักรเข้ามาทดแทนแรงงานคน ซึ่งมองว่าหลายองค์กรมีแผนการลงทุนด้านนี้อยู่แล้ว แต่อาจจะต้องขยับการลงทุนให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ส่วนที่เข้ามาใช้ขั้นตอนการผลิตก็จะมีส่วนของการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้งาน (Robotic Arm) แทนการใช้คนในไลน์ผลิตนี้จำนวนมากก็จะลดจำนวนคนลงมา หรือขั้นตอนการตรวจสอบ (QC) เข้ามาแทนคนซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าคน เพื่อรับมือในอนาคตหากเกิดกรณีที่ไม่สามารถให้คนทำงานได้ พร้อมการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะทั้ง Upskill - Reskill เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของบุคลากรขององค์กรให้ทันการเปลี่ยนแปลงเตรียมพร้อมป้อนแรงงานสู่ภาคอุตสาหกรรมนายณรงค์ พิศิลป์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรอย่างต่อเนื่อง จากวิกฤตขาดแคลนแรงงานในขณะนี้กลุ่มธุรกิจการส่งออกมีความต้องการแรงงานสูงโดยมีปัจจัยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจจึงทำให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแรงงานยังไม่ได้กลับเข้าระบบเต็มที่ รวมทั้งกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มีการจ้างงานก่อนหน้ายังไม่สามารถเข้ามาทำงานตามปกติได้เพราะโควิดยังแพร่ระบาดอยู่อย่างไรก็ตาม ทางแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ร่วมกับภาคการศึกษาทั้งระดับอาชีวะและอุดมศึกษาเข้าร่วมทวิภาคีภาคการศึกษามากขึ้น โดยการจัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นถึงแนวโน้มทิศทางความต้องการของกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเพื่อเตรียมพร้อมและนำนักศึกษาเข้าสู่ตลาดแรงงานให้มากขึ้น ซึ่งในช่วงโควิดส่งผลให้นักศึกษากลุ่มนี้ไม่สามารถเข้ามาฝึกงานได้เพราะคำนึงด้านความปลอดภัยและการแพร่ระบาดโควิด นอกจากนี้ มองว่าภายหลังการเปิดประเทศ ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครอบคลุมคาดว่ากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวจะเข้าระบบแรงงานอีกครั้ง โดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้สร้างความมั่นใจและให้ข้อมูลอัปเดตอย่างต่อเนื่องกับภาคการศึกษา และยังสร้างความเชื่อมั่นในแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ที่จะสามารถป้อนงานให้กับกลุ่มนักศึกษาได้อย่างเหมาะสม สำหรับโมเดลการจ้างงานระยะสั้น 4-6 ชม. จะช่วยให้นักศึกษาได้ทำงานควบคู่กับการเรียนที่จะได้พัฒนาทักษะไปควบคู่กันก่อนเข้าสู่ระบบเต็มตัวหลังเรียนจบทางด้านการดูแลและรับมือการจัดการแรงงานเอาต์ซอร์ส วิกฤตโควิดช่วง 2 ปี แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จัดการตามมาตรการผู้ประกอบการและยังมีการดูแลในส่วนแรงงานเอาต์ซอร์สที่ต้องเข้าทำงานในพื้นที่ จะมีการตรวจโควิด การฉีดวัคซีน เน้นย้ำด้านการดูแลตัวเองให้ปลอดภัย เพื่อให้สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ตามเงื่อนไข เพราะหากมีการติดเชื้อจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการขาดแคลนแรงงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุกพื้นที่ประสบปัญหาเดียวกันคือ การเคลื่อนย้ายแรงงานก็ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ในกรณีที่พนักงานติดโควิดจะมีมาตรการดูแลรักษาให้ครบตามกำหนด เพื่อกลับเข้ามาทำงานได้หลังการรักษาตัววิกฤตโควิดส่งผลเศรษฐกิจประเทศ ทุกธุรกิจตั้งรับปรับตัวเพื่อธุรกิจเดินหน้าดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทยและประธานกรรมการกลุ่มบริษัทในเครือวีเซิร์ฟ กล่าวว่า ประเทศไทยเสียหายจากวิกฤตโควิดช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในทุกมิติทั้งด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ ถ้าดูจาก GDP เราสูญเสียมากถึง 2.2 ล้านล้าน อันนี้ยังไม่รวมความเสียหายจากภาคเอกชนที่ต้องหยุดชะงักและการทำงาน WFH นอกจากนี้ยังมีในส่วนของตลาดแรงงานจากข้อมูลในระบบประกันสังคมหายไป 6 แสนกว่าคน ซึ่งยังไม่รวมแรงงานนอกระบบ สำหรับมุมมองด้านแรงงานประเทศไทยมี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรงงานที่หายากส่วนใหญ่เป็นสเปเชียลสกิล และกลุ่มแรงงานภาคปฏิบัติในไลน์ผลิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นในขณะนี้จากกรณีศึกษาขององค์กรธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอี เสนอมุมมองว่า ผู้บริหารและผู้นำองค์กรต้องมารีวิวสถานการณ์ตั้งแต่ปัญหา ความเสียหาย กระบวนการบริหารจัดการ ที่เกิดขึ้นในวิกฤตโควิด เพื่อวางแผนในการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจต่อไป สิ่งสำคัญจะต้องมองให้รอบด้าน การเตรียมความพร้อมด้านสภาพคล่องทางการเงินและการลงทุน รวมทั้งการวางกลยุทธ์ด้านการตลาด (Marketing Strategy) ซึ่งต้องจัดทำแผนที่รองรับลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าที่เป็นฐานสำคัญ ดังนั้น ต้องเตรียมแผนเชิงรุกแบบเจาะคลัสเตอร์ แต่ไม่ใช่ทำการตลาดแบบเดิมยุคนี้จะอยู่ยาก นอกจากนี้ การปรับโมเดลรองรับการเติบโตตามแนวโน้มธุรกิจออนไลน์ โจทย์คือ ธุรกิจวันนี้ต้องทำคู่กันทั้งออนไลน์และออฟไลน์นางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวสรุปงานสัมมนาว่า “การขับเคลื่อนประเทศสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจส่งสัญญาณที่ดี ทั้งการตื่นตัวและตั้งรับของภาครัฐจากมาตรการต่างๆ และความพร้อมด้านสาธารณูปโภคที่มีความคืบหน้า และการส่งเสริมการลงทุนต่างๆ ส่วนภาคแรงงานต้องปรับเปลี่ยนเพื่ออยู่รอด และพัฒนาทักษะเพื่อตอบโจทย์การทำงานและตลาดงานในอนาคต ภาคเอกชนที่มีการวางแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยง สามารถดำเนินการด้านการผลิตได้ตามปกติEEC เป็นความหวังครั้งสำคัญในการพัฒนา ทั้งทางเศรษฐกิจ, สังคม และความเจริญด้านต่างๆ ซึ่งความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้จากความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมจากทุกหน่วยงาน และหากทำสำเร็จ.. ความหวังสู่การเป็นเมืองต้นแบบก็จะสามารถนำไปพัฒนาเมืองอื่นๆ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเจริญในหลากหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน”ทั้งนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากบทสรุปมุมมองความคิดเห็นจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมในเวทีเสวนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้นำไปปรับใช้ วางแผนและบริหารจัดการทั้งด้านกำลังคน การรับมือในภาวะวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมมือในการขับเคลื่อนและพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ เพราะแรงงานคือฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ รวมถึงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจในการเข้ามาลงทุน EEC ของประเทศไทยที่มา : mgronline****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
แมนพาวเวอร์เผย 5 อุตสาหกรรมเด่นรับตลาดงาน EEC
25 November 2021 ข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกแมนพาวเวอร์เผย 5 อุตสาหกรรมเด่นรับตลาดงาน EECแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดมุมมองตลาดงาน EEC 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเด่น ได้แก่ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์, ยานยนต์สมัยใหม่, การแพทย์ครบวงจร, อุตสาหกรรมค้าส่ง-ค้าปลีก และการซ่อมยานยนต์ พร้อมชี้ความโดดเด่นด้านฝีมือแรงงานตลาดส่งออกยานยนต์ไทยสู่ตลาดยุโรป-อเมริกา ด้านแรงงานเร่งอัปสกิล-รีสกิล รองรับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมเปิดรับการพลิกฟื้นเศรษฐกิจมร.ไซมอน แมททิวส์, ผู้จัดการระดับภูมิภาค ประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำที่ปรึกษาด้านแรงงานเชิงนวัตกรรม เปิดเผยว่า จากที่แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้มีการอัปเดตสถานการณ์ภาพรวมของตลาดแรงงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ล่าสุดได้มีการสำรวจตลาดแรงงาน ระบุ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมเด่นประกอบด้วย 1. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มีดีมานด์สูงสุดและต่อเนื่อง 2. อุตสาหกรรมยานยนต์และยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) 3. อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) มีความต้องการต่อเนื่องในทุกตำแหน่งเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เติบโตจากสถานการณ์โควิด ประกอบกับประเทศไทยเป็นกลุ่มที่ชาวต่างชาตินิยมเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพสูง โดยเฉพาะจากผู้ใช้บริการจากตะวันออกกลาง ด้วยความพร้อมทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ การบริการที่ดีและค่าใช้จ่ายไม่สูง ทำให้มีการจัดแพกเกจบริการเจาะตลาดนี้ส่งผลให้ความต้องการบุคลากรมีสูงขึ้น 4. อุตสาหกรรมค้าส่ง-ค้าปลีก จากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว และ 5. กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจซ่อมยานยนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากร 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่นับเป็นการส่งสัญญาณอันดีในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทยสำหรับมุมมองของประเทศไทยกับบทบาท “Detroit of Asia” ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย จากข้อมูลประเทศยังเป็นฐานการผลิตหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งในแต่ละแบรนด์รถยนต์จะมีการแบ่งกลุ่มประเทศในลักษณะของการกระจายฐานการผลิตไปยังประเทศต่างๆ โดยหลักๆ จะมีประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ไทย และเวียดนาม ถึงแม้ประเทศไทยจะมีอัตราค่าจ้างแรงงานที่สูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชีย แต่เรามีความโดดเด่นด้านฝีมือแรงงานและคุณภาพในการผลิตเพื่อการส่งออก ทำให้เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการกลุ่มตลาดยุโรปและอเมริกาอย่างมาก โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลัก นอกจากนี้ ในภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์เดิมยังมีความต้องการอยู่และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next-Generation Automotive) ซึ่งกำลังก้าวไปสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” แทนเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้พลังงานน้ำมัน จากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนและส่งเสริมทำให้มีแนวโน้มเติบโตมากใน 4-5 ปีต่อจากนี้ ทางด้านแรงงาน ต้องเร่งพัฒนาทักษะเทคโนโลยีใหม่รองรับการเติบโตของโลกอุตสาหกรรมในอนาคต ทั้งนี้ หากเราเร่งพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถจะทำให้มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันมากขึ้น พร้อมกันนี้ ประเทศไทยวางโครงสร้างพื้นฐานใน EEC ได้อย่างมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้สามารถเชื่อมโยงการลงทุน การขนส่ง สร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจและส่งเสริมคุณภาพชีวิตในพื้นที่ EEC สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมใหม่ที่เกิดธุรกิจใหม่และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้อย่างดีน.ส.สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับมุมมองเกี่ยวกับตลาดแรงงาน สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพแรงงานไทย คือ การเพิ่มทักษะความรู้ใหม่ (Upskill) การพัฒนาทักษะให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง (Reskill) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากสถานการณ์ตลาดแรงงานท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการเกือบทุกอุตสาหกรรมต้องรับมือกับปัญหาภาวะขาดแคลนแรงงาน (Labor shortage) และอัตราการเปลี่ยนพนักงานสูง (Turnover) ดังนั้น แนวทางการรับมือการรักษากำลังคน โดยการสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันของพนักงานที่มีต่องานและองค์กร (Employee Engagement) ให้มากขึ้น พร้อมการสนับสนุนและส่งเสริมการเพิ่มทักษะความรู้ให้แก่พนักงาน เพื่อดูแลรักษาพนักงานขององค์กรและพร้อมต่อการทำงานในอนาคตซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวพร้อมให้ความสำคัญด้านนี้มากขึ้น ทางด้านปัญหาการขาดแคลนแรงงานอีกด้านหนึ่ง ที่ผ่านมาไทยจากข้อจำกัดแรงงานต่างด้าวในการเดินทางช่วงโควิดและแม้มีแนวโน้มการหันมาใช้แรงงานมากขึ้นของภาคอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันยังพบการขาดแคลนแรงงานในหลายอุตสาหกรรมอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากโรคระบาดที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มองว่าแนวโน้มการขาดแคลนแรงงานจะดีขึ้นเมื่อมีการฉีดวัคซีนได้แพร่หลายและครอบคลุมในแต่ละกลุ่มแรงงานและจะสามารถรองรับการผลิตและส่งออกในไตรมาส 4 นี้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย จะสามารถสรรหาและบริหารจัดการแรงงานป้อนให้แก่ลูกค้าได้ตามความต้องการนอกจากนี้ ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมมุ่งนักศึกษากลุ่มอาชีวศึกษาและปริญญาตรีที่จะเข้ามาสู่ตลาดงานมากขึ้น โดยเน้นกลุ่มที่เข้ามาตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในการขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจเพื่ออนาคต ทั้ง First S-curve เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics), อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ, การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ, อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และ New S-curve เช่น อุตสาหกรรมหุ่นยนต์, อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics), อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ, อุตสาหกรรมดิจิทัล, อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) และอุตสาหกรรมพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ภาคการศึกษาจึงต้องปรับหลักสูตรและผลิตบัณฑิตให้ตรงกับทิศทางอุตสาหกรรม ดังนั้น ทักษะที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการในภาคอุตสาหกรรมของกลุ่มแรงงานไทยจึงไม่ได้อยู่ในภาคการทำงานในระดับทั่วไป แต่จะเน้นทักษะด้านเทคนิค (Technical Skill) เป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่และความรู้ด้านดิจิทัล ซึ่งจะไม่ได้เน้นการปฏิบัติอย่างเดียวแต่จะผนวกการปฏิบัติงานจริงควบคู่กันสุดท้ายนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ให้มุมมองสำหรับแนวทางการจัดการแรงงานอนาคตใน EEC สิ่งแรกคือ การพัฒนาทักษะแรงงานให้ตรง EEC Model ซึ่งเชื่อมกับยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมเป้าหมาย ต่อมาคือการพัฒนาทางด้านการศึกษาในระดับความรู้ขั้นพื้นฐานที่กระจายได้อย่างเท่าเทียมกันและทันสมัยกับโลกปัจจุบัน รวมทั้งทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยมีความเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านในจุดนี้ พร้อมยังเสนอแนวทางการร่วมสร้างเครือข่ายระหว่างภาคอุตสาหกรรมกับภาคการศึกษาในการผลิตบัณฑิตได้ตรงความต้องการยิ่งขึ้น รวมทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐในหลายส่วนที่ต้องสอดคล้องและรองรับการก้าวสู่โลกอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และการพัฒนาเทคโนโลยี 5G มากขึ้น ในการนำพาแรงงานของไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลง นับเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงรอบด้านที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศกำลังส่งสัญญาณดีขึ้น หากตั้งรับอย่างทันท่วงทีด้วยความร่วมมือจากทุกคนและทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน หากพื้นที่อีอีซีสามารถเป็นพื้นที่นำร่องในการทรานส์ฟอร์มระบบการศึกษาและการพัฒนาคนยุคใหม่ EEC Model นี้ก็จะสามารถเป็นแบบอย่างในการขยายไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ ได้ต่อไปที่มา : mgronline****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
เทคนิคการสื่อสารของผู้นำในภาวะวิกฤต
25 November 2021 ข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกที่มา : Forbes Thailand****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
บทความชุดอนาคตของการทำงาน: การสร้างจินตนาการใหม่เกี่ยวกับแรงงาน และระบบกลไกของสถานที่ทำงาน จะทำงานที่ไหน?
24 November 2021 บทความชุดอนาคตของการทำงาน: การสร้างจินตนาการใหม่เกี่ยวกับแรงงาน และระบบกลไกของสถานที่ทำงาน จะทำงานที่ไหน?การระบาดใหญ่ของโควิด-19 คือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งโลกต้องประสบกับการพังทลายอย่างสิ้นเชิงของห่วงโซ่อุปทาน, ธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เมื่อกฎเกณฑ์การรักษาระยะห่างทางสังคมและการล็อกดาวน์ถูกนำมาใช้ทั่วโลก ระบบสุขภาพได้พังทลายลง, อัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้นและกระแสเงินสดหายไป โดยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในปีเดียว ปี พ.ศ. 2564 ได้เริ่มต้นในเชิงบวกมากขึ้นเนื่องจากความพร้อมใช้ของวัคซีนตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ในขณะที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักรและยุโรป ได้ฉีดวัคซีนแก่ประชากรในวัยผู้ใหญ่จำนวนมากของตน โลกส่วนใหญ่ได้เผชิญกับการติดเชื้อรุนแรงระลอกสอง/สาม องค์กรต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องเอาชนะความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพื่อรักษากิจการทางธุรกิจของตนในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา จูดี้ สมิทธ์ นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการวิกฤตชาวอเมริกัน ได้กล่าวว่า “ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ วิกฤตบังคับให้บุคคลหันกลับมาพิจารณาตนเอง บังคับให้บริษัทพิจารณานโยบายและหลักปฏิบัติของตนใหม่” จากเหตุการณ์รุนแรงในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เกิดความจำเป็นเพิ่มขึ้นสำหรับองค์กรต่างๆ ในการพิจารณาแรงงานและระบบกลไกของงานและสถานที่ทำงานของตนเองอีกครั้งรายงานฉบับนี้เป็นรายงานฉบับแรกในจำนวนสามฉบับเกี่ยวกับอนาคตของการทำงาน งานวิจัยได้ยกระดับทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลที่มีอยู่เดิมจากการสำรวจหัวหน้าอาวุโสฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จำนวน 200 รายในภูมิประเทศ อุตสาหกรรมและองค์กรขนาดต่างๆ ในงานวิจัยดังกล่าว เราพิจารณาคำถามที่สำคัญสามประการเกี่ยวกับแรงงานและระบบกลไกของสถานที่ทำงาน: · จะทำงานที่ไหน? [ระบุในรายงานฉบับนี้]· ใครจะเป็นคนทำงาน?· จะทำงานอย่างไร? เนื่องจากองค์กรต่างๆ มองหาวิธีการเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนและทำให้ธุรกิจของตนเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์จึงจำเป็นต้องอยู่แนวหน้าสำหรับการบริหารจัดการงานดังกล่าว งานวิจัยนี้ให้คำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงแก่หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และองค์กรต่างๆ เกี่ยวกับวิธีเข้าสู่วิถีปกติถัดไปสำหรับองค์กรของตนดาวน์โหลรายงานฉบับเต็ม ( EN / TH )
-
แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย แชร์เทคนิคการสื่อสารแบบมีสกิลของผู้นำที่ดี
28 September 2021 8 เทคนิคการสื่อสารแบบผู้นำที่ดี เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง รวมทั้ง การใช้น้ำเสียง บุคลิกภาพ รวมถึงภาษากายที่เหมาะสมทักษะการสื่อสารนับเป็นคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้นำในการสร้างผลกระทบและช่วยเร่งประสิทธิภาพและประสิทธิผลทั่วทั้งองค์กร นับเป็นสิ่งสำคัญของผู้นำในทุกระดับเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาและคนในทีมมีความเข้าใจในเป้าหมายและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และจำเป็นสำหรับทุกองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราก้าวไปสู่ Next Normal สิ่งนี้กำหนดให้ทุกองค์กรต้องจัดลำดับความสำคัญในการทำงานใหม่และผู้นำที่สามารถสื่อสารเป้าหมาย ภารกิจ และวิธีการทำงานด้วยความชัดเจนและความโปร่งใสที่ดีขึ้นก็จะประสบความสำเร็จในการนำองค์กรผ่านความไม่แน่นอนและในขณะเดียวกันก็รักษาความสามัคคีและความแข็งแกร่งของทีม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาด้านแรงงานเชิงนวัตกรรมขอนำเสนอ 8 เทคนิคทักษะการสื่อสารความเป็นผู้นำที่ดี ดังนี้1. เริ่มจากการฝึกวางความคิดให้เป็นระบบง่ายๆ ก่อน เพราะการที่ผู้นำจะสื่อสารให้ชัดเจนได้ ต้องมาจากกระบวนการคิดที่มีระบบ มีความชัดเจนก่อนและสื่อสารไปยังทีมเพื่อจะทำให้ทุกคนเข้าใจได้ง่าย พร้อมมีประสิทธิภาพ2. ใช้วิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และเวลา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งการสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication), การสื่อสารในองค์กร (Internal Communication), การสื่อสารกับลูกค้าที่มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (Stakeholder Communication) ที่สำคัญอย่างยิ่ง ต้องใช้วิธีสื่อสารที่ถูกต้อง เข้าใจสถานการณ์ และเลือกเวลาให้เหมาะสมที่สุด3. การตั้งใจฟังอย่างเข้าใจในสิ่งที่คนอื่นสื่อสาร ผู้นำที่ดีจะสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจก็ต้องเข้าใจคนอื่นก่อน ต้องเข้าใจสารที่ผู้สื่อสารกำลังสื่อ ไม่คิดไปเอง ถ้าเข้าใจแล้ว ผู้นำก็จะสื่อสารได้ตรงประเด็นยิ่งขึ้น4. การสื่อสารแบบสองทาง (Two way communication) ผู้นำที่ดีควรจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้คำถามแบบปลายเปิด เช่น ทำไม, เพราะอะไร, อย่างไร ไม่ควรใช้คำถามปลายปิด เพราะไม่เกิดประโยชน์ หากเราใช้คำถามถูกจะทำให้เกิดผลการตอบรับที่ดีและสามารถต่อยอดการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ5. การใช้ช่องทางสื่อหรือเครื่องมือให้เหมาะสม ด้วยยุคปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสารหลากหลายช่องทาง ดังนั้น ผู้นำที่ดีควรเลือกให้เหมาะสม ไม่ว่าการสื่อสารผ่านทางอีเมล การใช้โซเชียลมีเดีย, การสื่อสารทางตรง (Direct Communication) และอื่นๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของแต่ละกลุ่มที่ต้องการสื่อสาร6. เอาใจเขามาใส่ใจเรา หลีกเลี่ยงคำพูด การประชดประชัน กระทบกระเทียบ ซึ่งมีแต่สร้างความขัดแย้งและไม่เกิดประโยชน์ ทำให้มีแต่ผลเสียตามมา ในฐานะผู้นำจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและทีม7. ภาษากายเป็นเรื่องสำคัญ ไม่พูดแทรก ไม่ตัดบทหรือเปลี่ยนเรื่องทันที รอให้ผู้อื่นสื่อสารจบ นอกจากนั้นผู้นำที่ดีควรใช้ภาษากายแสดงออกว่าตั้งใจฟังอยู่ เช่น สบตาแบบมีไมตรี ยิ้ม พยักหน้าเบาๆ ให้เกียรติผู้สื่อสารก่อนเสมอ8. การรักษาคำพูด ผู้นำควรรักษาสัญญา และทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอ อย่างไรก็ตามทั้ง 8 เทคนิคการสื่อสารแบบผู้นำที่ดี เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง รวมทั้ง การใช้น้ำเสียง บุคลิกภาพ รวมถึงภาษากายที่เหมาะสมของ หากผู้นำสามารถเข้าใจและใช้เทคนิคดังกล่าวได้ดี ก็สามารถบรรลุเป้าหมายไปกว่าครึ่ง ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในการบริหารงานและบริหารคนยุคปัจจุบัน ยังมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม เชื้อชาติ ศาสนา ภาษาและเจเนอเรชั่น ดังนั้น ผู้นำที่ดีควรวางแผน ออกแบบ และสื่อสารด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสมกับผู้รับสารตามกาลเทศะ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย หวังว่าการแบ่งปันเทคนิคดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการเสริมทักษะความเป็นผู้นำพร้อมนำพาทีมงานและองค์กรสู่ความสำเร็จต่อไป
-
“แมนพาวเวอร์” ชี้ตลาดแรงงาน 3 อุตสาหกรรมหลักอีอีซียังโตต่อ แนะผู้ประกอบการ-แรงงานปรับตัว
26 August 2021 “แมนพาวเวอร์” ชี้ตลาดแรงงานในอีอีซียังโตต่อ ใน 3 ตำแหน่งงาน แนะผู้ประกอบการ-แรงงานปรับตัวข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดมุมมองภาพรวมตลาดงาน EEC ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ตลาดงานยังมีความต้องการต่อเนื่อง พร้อมเปิดมุมมองผู้ประกอบการเร่งปรับองค์กรให้มีความยืดหยุ่นและใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพ ด้านแรงงานเร่งอัพสกิล-รีสกิล รองรับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป แนะทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมพลิกฟื้นเศรษฐกิจยุคโควิดนายไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาค ประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ที่ปรึกษาด้านแรงงานเชิงนวัตกรรมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และในประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค และดิจิทัล ที่มีปัจจัยทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในตลาด เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กระตุ้นตลาดผู้บริโภคในอนาคต ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง ความต้องการการจ้างงานระยะสั้นจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นกลุ่มแรงงานที่มีทักษะหลากหลาย (Multi-Skill) มีความต้องการสูง ก่อนหน้านี้ แผนการจ้างงานจะกำหนดลักษณะงานที่ชัดเจนของทุกตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติงานปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะหลากหลายซึ่งจะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมในระหว่างกระบวนการคัดเลือก นอกจากนี้ พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า เนื่องจากพวกเขาพร้อมที่จะทำงานในโครงการที่ซับซ้อน และช่วยนายจ้างโดยการเริ่มต้นในบทบาทใหม่อย่างรวดเร็ว นี่คือคุณสมบัติบางประการที่นายจ้างส่วนใหญ่คาดหวังในปัจจุบัน ตลาดแรงงาน EEC มีแนวโน้มต้องการแรงงานไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของแรงงานต่างด้าวที่เดินทางและข้อจำกัดในช่วงการระบาดใหญ่ทั้งนี้ ข้อมูลจากการจัดอันดับประเทศด้านโอกาสในการทำงาน (Social Mobility Index, 2563) มีการสำรวจความต้องการแรงงานใน 5 ปีข้างหน้าของ อีอีซี ยังพบว่ามีความต้องการแรงงานมากกว่า 4.7 แสนตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการทำงานในประเทศไทยสูงมากทีเดียว โดยไทยสูงเป็นอันดับ 14 จาก 82 ประเทศ โดยจัดอับดับประเภทความต้องการ 3 อันดับแรก ได้ดังนี้ 1.อุตสาหกรรมดิจิทัล 116,222 ตำแหน่ง 2.โลจิสติกส์ 109,910 ตำแหน่ง และ 3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 58,228 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจหลังสถานการณ์โควิด-19 พบว่าในอีก 5 ปี จะมีความต้องการบุคลากรลดลง ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการบิน ลดลง 40% 2.อุตสาหกรรมยานยนต์ ลดลง 20% 3.อุตสาหกรรมดิจิทัล ลดลง 10-20% จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้บางอุตสาหกรรมคาดการณ์แรงงานลดลง แต่อุปสงค์ในภาคการผลิตยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแผนธุรกิจที่สนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ นำไปสู่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” แทนเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้พลังงานน้ำมันน.ส.สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทั้งผู้ประกอบการและพนักงานต้องปรับตัวให้เข้ากับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ EEC ข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงคือควรกำหนดแนวทางแก้ไขระยะสั้น (Resolve) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา COVID-19 ในปัจจุบันโดยเร็ว จากนั้นจึงควรมีแผนองค์กรเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น (Resilience) เช่น การจัดการด้านการเงิน การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการเอาท์ซอร์ส (Outsource) เป็นต้น ด้วยสิ่งนี้ เรายังสามารถคาดหวังได้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงในเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นจะปรับปรุงโรงงานด้วยเครื่องมือในท้องถิ่นของตนเองพร้อมแนะนำภาคแรงงาน สิ่งที่ต้องปรับรองรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ เน้นทักษะที่จำเป็นในอุตสาหกรรม เช่น ทักษะดิจิทัลล่าสุดที่สอดคล้องกับทิศทางของภาคอุตสาหกรรม สำหรับการปรับตัวของแรงงานช่วงสถานการณ์ COVID-19 สำหรับภาคอุตสาหกรรมใน EEC แรงงานไทยต้องกระตุ้นตนเองด้วยการปรับ Mindset เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรับประกันงานที่มั่นคงและรายได้ที่ดีขึ้นทางด้านแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการในการทำงานร่วมกับภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานตามแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ต้องการแรงงานที่มีศักยภาพและทักษะที่ตอบโจทย์ จากปัญหาภาคการศึกษาที่ผลิตบุคลากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมในอดีตที่ไม่เพียงพอ เนื่องจาก บุคลากรขาดความพร้อมและทักษะที่ตรงกับความต้องการ แต่ในขณะนี้ แนวโน้มของปัญหาดังกล่าวลดลงด้วยความร่วมมือของภาคการศึกษา, ภาคอุตสาหกรรม และตลาดแรงงาน เมื่อเร็วๆ นี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ทำโครงการร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาในการจัดสรรนักเรียนนักศึกษาเข้าทำงานกับผู้ประกอบการโดยแบ่งเป็นการเรียนภาคปฏิบัติ และการฝึกงาน ซึ่งถือว่าได้เป็นทำงานและสร้างเสริมประสบการณ์อย่างแท้จริง เมื่อจบการศึกษา ผู้ประกอบการสามารถรับนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้เข้าทำงานได้ต่อไป อันจะช่วยลดระยะเวลาในการฝึกฝนเรียนรู้และช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานได้ตามความต้องการในการดำเนินการเพื่อยกระดับและปรับทักษะแรงงานไทย เพื่อยกระดับและพัฒนาทักษะแรงงานไทย ควรมีการฝึกอบรมล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานถึงขั้นสูงเพื่อพัฒนาบุคลากรและสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีล่าสุดที่ผู้ประกอบการต้องการได้ การฝึกอบรมเหล่านี้จะช่วยในการพัฒนาประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมข้อกำหนดด้านแรงงานล่าสุดนอกจากนี้ ตามที่กล่าวไว้ในรายงาน World Economic Forum (WEF) ปี 2563 ล่าสุด แรงงานไทยเพียง 54.9% เท่านั้นที่มีความรู้ด้านดิจิทัล และจุดอ่อนคือ “การขาดความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับโลกเทคโนโลยีในอนาคต” ดังนั้นการศึกษา การฝึกอบรม และทัศนคติต่ออนาคตของการทำงานจึงมีความสำคัญต่อการส่งเสริมแรงงานไทย ตลอดจนเชื่อมช่องว่างสำหรับทักษะดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถทำงานร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ใน EEC ได้มีความจำเป็นในการสร้างการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สู่ตลาดโลก การจ้างงานเชิงนวัตกรรมที่ EEC อาจช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมได้รับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในกระบวนการทำงานและปรับปรุงการดำเนินงาน ดังนั้น ในการจัดการแรงงาน EEC อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาความรู้และพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะทักษะดิจิทัลของแรงงานไทยเพื่อรองรับแนวโน้มการผลิตและการทำงานในอนาคตสุดท้ายนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เตรียมให้บริการและสรรหาบุคลากรที่มีทักษะสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ด้านแรงงาน ตลอดจนคัดเลือกบุคลากรที่พร้อมจะปฏิบัติงานภายใต้การจ้างงานทุกประเภท ในขณะเดียวกัน เราเน้นการใช้มาตรการที่เข้มงวดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และปฏิบัติตามแนวทางในการควบคุมโรคระบาด ก่อนรับพนักงานเข้าทำงาน กระบวนการสรรหา การปฏิบัติงานในสถานที่ทำงาน รวมถึงมาตรการป้องกันและการตอบสนอง ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของบุคลากร กระบวนการผลิต และความต่อเนื่องของกระบวนการทำงานตามที่วางแผนไว้ เราเชื่อว่าการก้าวผ่านสถานการณ์โควิดจะสำเร็จได้ด้วยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และแรงงาน ในการช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้นี้ที่มา : มติชน****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
"แมนพาวเวอร์" ชี้แรงงาน 3 อุตสาหกรรมหลักอีอีซียังโตต่อ
25 August 2021 ข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดมุมมองภาพรวมตลาดงาน EECท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19ตลาดงานยังมีความต้องการต่อเนื่อง พร้อมเปิดมุมมองผู้ประกอบการเร่งปรับองค์กรให้มีความยืดหยุ่นและใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพ ด้านแรงงานเร่งอัพสกิล-รีสกิล รองรับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป แนะทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมพลิกฟื้นเศรษฐกิจยุคโควิดมร.ไซมอน แมททิวส์,ผู้จัดการระดับภูมิภาค ประจำประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ปผู้นำที่ปรึกษาด้านแรงงานเชิงนวัตกรรมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และในประเทศไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์โดยรวมของตลาดแรงงานในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบุคลากรอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค และดิจิทัล ที่มีปัจจัยทางธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในตลาด เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กระตุ้นตลาดผู้บริโภคในอนาคต ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง ความต้องการการจ้างงานระยะสั้นจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นกลุ่มแรงงานที่มีทักษะหลากหลาย (Multi-Skill)มีความต้องการสูง ก่อนหน้านี้ แผนการจ้างงานจะกำหนดลักษณะงานที่ชัดเจนของทุกตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ปฏิบัติงานปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะหลากหลายซึ่งจะเป็นประโยชน์เพิ่มเติมในระหว่างกระบวนการคัดเลือก นอกจากนี้ พนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า เนื่องจากพวกเขาพร้อมที่จะทำงานในโครงการที่ซับซ้อน และช่วยนายจ้างโดยการเริ่มต้นในบทบาทใหม่อย่างรวดเร็ว นี่คือคุณสมบัติบางประการที่นายจ้างส่วนใหญ่คาดหวังในปัจจุบัน ตลาดแรงงานEECมีแนวโน้มต้องการแรงงานไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดของแรงงานต่างด้าวที่เดินทางและข้อจำกัดในช่วงการระบาดใหญ่ทั้งนี้ ข้อมูลจากการจัดอันดับประเทศด้านโอกาสในการทำงาน (Social Mobility Index,2563) มีการสำรวจความต้องการแรงงานใน 5 ปีข้างหน้าของ อีอีซี ยังพบว่ามีความต้องการแรงงานมากกว่า 4.7 แสนตำแหน่ง แสดงให้เห็นว่าโอกาสในการทำงานในประเทศไทยสูงมากทีเดียว โดยไทยสูงเป็นอันดับ 14 จาก 82 ประเทศโดยจัดอับดับประเภทความต้องการ 3 อันดับแรก ได้ดังนี้1.อุตสาหกรรมดิจิทัล116,222 ตำแหน่ง 2.โลจิสติกส์109,910 ตำแหน่ง และ 3.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ58,228 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจหลังสถานการณ์โควิด-19พบว่าในอีก 5 ปี จะมีความต้องการบุคลากรลดลงได้แก่ 1.อุตสาหกรรมการบิน ลดลง 40% 2.อุตสาหกรรมยานยนต์ ลดลง 20%3.อุตสาหกรรมดิจิทัล ลดลง 10-20%จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า แม้บางอุตสาหกรรมคาดการณ์แรงงานลดลง แต่อุปสงค์ในภาคการผลิตยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแผนธุรกิจที่สนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ นำไปสู่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วสู่ยุค “รถยนต์ไฟฟ้า” แทนเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้พลังงานน้ำมันน.ส.สุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยเปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19ทั้งผู้ประกอบการและพนักงานต้องปรับตัวให้เข้ากับทิศทางการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่EECข้อแนะนำสำหรับผู้ประกอบการในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงคือควรกำหนดแนวทางแก้ไขระยะสั้น (Resolve)เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาCOVID-19ในปัจจุบันโดยเร็ว จากนั้นจึงควรมีแผนองค์กรเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น(Resilience)เช่น การจัดการด้านการเงิน การปรับโครงสร้างธุรกิจ และการเอาท์ซอร์ส(Outsource)เป็นต้น ด้วยสิ่งนี้ เรายังสามารถคาดหวังได้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงในเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ท่ามกลางความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ด้านการดูแลสุขภาพ เนื่องจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นจะปรับปรุงโรงงานด้วยเครื่องมือในท้องถิ่นของตนเองพร้อมแนะนำภาคแรงงานสิ่งที่ต้องปรับรองรับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือเน้นทักษะที่จำเป็นในอุตสาหกรรม เช่น ทักษะดิจิทัลล่าสุดที่สอดคล้องกับทิศทางของภาคอุตสาหกรรม สำหรับการปรับตัวของแรงงานช่วงสถานการณ์ COVID-19สำหรับภาคอุตสาหกรรมในEECแรงงานไทยต้องกระตุ้นตนเองด้วยการปรับMindsetเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อรับประกันงานที่มั่นคงและรายได้ที่ดีขึ้นทางด้านแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการในการทำงานร่วมกับภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาทักษะแรงงานตามแนวโน้มของกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ที่ต้องการแรงงานที่มีศักยภาพและทักษะที่ตอบโจทย์ จากปัญหาภาคการศึกษาที่ผลิตบุคลากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมในอดีตที่ไม่เพียงพอ เนื่องจาก บุคลากรขาดความพร้อมและทักษะที่ตรงกับความต้องการ แต่ในขณะนี้ แนวโน้มของปัญหาดังกล่าวลดลงด้วยความร่วมมือของภาคการศึกษา,ภาคอุตสาหกรรม และตลาดแรงงาน เมื่อเร็วๆ นี้แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ทำโครงการร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาในการจัดสรรนักเรียนนักศึกษาเข้าทำงานกับผู้ประกอบการโดยแบ่งเป็นการเรียนภาคปฏิบัติ และการฝึกงาน ซึ่งถือว่าได้เป็นทำงานและสร้างเสริมประสบการณ์อย่างแท้จริง เมื่อจบการศึกษา ผู้ประกอบการสามารถรับนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้เข้าทำงานได้ต่อไป อันจะช่วยลดระยะเวลาในการฝึกฝนเรียนรู้และช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานได้ตามความต้องการในการดำเนินการเพื่อยกระดับและปรับทักษะแรงงานไทยเพื่อยกระดับและพัฒนาทักษะแรงงานไทย ควรมีการฝึกอบรมล่วงหน้าเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานถึงขั้นสูงเพื่อพัฒนาบุคลากรและสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีล่าสุดที่ผู้ประกอบการต้องการได้ การฝึกอบรมเหล่านี้จะช่วยในการพัฒนาประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมข้อกำหนดด้านแรงงานล่าสุดนอกจากนี้ ตามที่กล่าวไว้ในรายงาน World Economic Forum (WEF)ปี2563ล่าสุด แรงงานไทยเพียง 54.9% เท่านั้นที่มีความรู้ด้านดิจิทัล และจุดอ่อนคือ “การขาดความพร้อมในการปรับตัวให้เข้ากับโลกเทคโนโลยีในอนาคต” ดังนั้นการศึกษา การฝึกอบรม และทัศนคติต่ออนาคตของการทำงานจึงมีความสำคัญต่อการส่งเสริมแรงงานไทย ตลอดจนเชื่อมช่องว่างสำหรับทักษะดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจสตาร์ทอัพที่สามารถทำงานร่วมกับบริษัทขนาดใหญ่ในEECได้มีความจำเป็นในการสร้างการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในอุตสาหกรรม ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สู่ตลาดโลก การจ้างงานเชิงนวัตกรรมที่EECอาจช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมได้รับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในกระบวนการทำงานและปรับปรุงการดำเนินงานดังนั้น ในการจัดการแรงงานEECอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาความรู้และพัฒนาทักษะ โดยเฉพาะทักษะดิจิทัลของแรงงานไทยเพื่อรองรับแนวโน้มการผลิตและการทำงานในอนาคตสุดท้ายนี้ แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เตรียมให้บริการและสรรหาบุคลากรที่มีทักษะสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ด้านแรงงาน ตลอดจนคัดเลือกบุคลากรที่พร้อมจะปฏิบัติงานภายใต้การจ้างงานทุกประเภท ในขณะเดียวกัน เราเน้นการใช้มาตรการที่เข้มงวดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และปฏิบัติตามแนวทางในการควบคุมโรคระบาด ก่อนรับพนักงานเข้าทำงาน กระบวนการสรรหา การปฏิบัติงานในสถานที่ทำงาน รวมถึงมาตรการป้องกันและการตอบสนอง ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของบุคลากร กระบวนการผลิต และความต่อเนื่องของกระบวนการทำงานตามที่วางแผนไว้ เราเชื่อว่าการก้าวผ่านสถานการณ์โควิดจะสำเร็จได้ด้วยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และแรงงาน ในการช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวในอนาคตอันใกล้นี้ที่มา : TNN 16****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
รับมือวิกฤติขาดแคลนแรงงานกลุ่มบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center)แมนพาวเวอร์แนะเข้าใจตลาดงาน - เข้าใจคน พร้อมวางแผนกำลังคนรองรับทุกการเปลี่ยนแปลง
18 August 2021 ปรึกษาด้านการสรรหาบุคลากรฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย กรุณากรอกรายละเอียดเพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับของเจ้าหน้าที่สมัครงาน,บริษัทจัดหางาน,Recruitment,Recruitment Agency
-
"การจ้างงานระยะสั้น" โมเดลมาแรงรับ สถานการณ์โควิด-19
15 August 2021 ข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย แนะแรงงานเร่งเพิ่มทักษะ - ปรับมุมมอง สร้างโอกาสรับอาชีพใหม่ เสริมรายได้ ระบุโมเดลการจ้างงานระยะสั้น ส่องแววรุ่ง ขณะที่สายงงานหลัก ทั้งงานระยะสั้นและยาว ยังเป็น ไอที งานบริการลูกค้า โลจิสติกส์และซัพพลายเชนนางสาวสุธิดา กาญจนกันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยเปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด (Covid 19) ระลอก 3ในครึ่งปีแรกจนถึงขณะนี้ ส่งผลให้ตลาดแรงงานต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสอดรับการดำเนินชีวิตในวิถีโควิด ล่าสุดแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยทำการสำรวจและประเมินตลาดแรงงานช่วงโควิดระลอก 3 ชูอาชีพดาวรุ่งในวิกฤตโควิดที่ส่องแสงให้ตลาดงานยังคึกคัก ขณะที่นายจ้าง เริ่มปรับโมเดลให้ความสนใจการจ้างงานระยะสั้น ทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ๆ เพราะฉะนั้น แรงงานสามารถเลือกทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง "งานระยะสั้น"ประเภทต่างๆ ทั้งแบบชั่วคราวและสัญญาจ้าง ที่มีความต้องการและโดดเด่นในตลาดแรงงานยุคโควิดระลอก 3 คือ สายงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ได้แก่ พนักงานส่งสินค้า, พนักงานจัดเรียงสินค้า, พนักงานแพ็คของเพื่อรอจัดส่ง และพนักงานแพ็คของ ส่วน"สายงานธุรการและบริการลูกค้า"ได้แก่ พนักงานคีย์ข้อมูล, พนักงานขายของออนไลน์ และพนักงานบริการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call Center)สายงานฝั่งไอทีลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มของตลาดอี-คอมเมิร์ซ, โลจิสติกส์, ฟินเทค และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ปัจจุบันการสรรหาตำแหน่งงานด้านไอทีแบบชั่วคราวและสัญญาจ้างอย่างเร่งด่วนยังมีอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นกลุ่มที่ขาดแคลนบุคลากร เพื่อการขึ้นงานระบบใหม่ที่เน้นแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ตามแผนงาน กลุ่มงานดังกล่าวจากผลการสำรวจเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ให้กับตลาดงานในยุคโควิดเป็นอย่างดีสำหรับคุณสมบัติของงานระยะสั้นที่นายจ้างต้องการคือ พนักงานที่สามารถทำงานข้ามสายงานได้ และใช้เทคโนโลยีได้ดี มีการปรับตัวยอมรับ เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งพนักงานต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองสูง เพราะต้องทำงานโดยไม่มีหัวหน้าทำงานเพื่อติดตามและแนะนำ พร้อมยังต้องแก้ปัญหาเฉพาะได้ดี และมีมุมมองของความเป็นผู้นำในตัวเองการปรับตัวของแรงงานท่ามกลางยุคโควิดเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง การปรับตัว การเรียนรู้ทั้งเทคโนโลยี, ระบบใหม่ๆ และการทำงานผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แรงงานควรทำความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนทัศนคติ ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ มีความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และสื่อสารอย่างเหมาะสม เพื่อให้การทำงานกับผู้อื่นเป็นไปด้วยความราบรื่นและบรรลุวัตถุประสงค์ แม้มีข้อจำกัดเรื่องระยะห่างทางกายภาพและการทำงานระยะไกลส่วนการสำรวจและประเมินภาพรวมตลาดแรงงานในช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิดในระลอกที่ 3 ของประเทศไทยสายงานที่มีการเติบโตและมีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่อง ยังคงเป็น"สายงานด้านไอที"ที่ถือว่าเป็นกลุ่มอาชีพที่มีความต้องการสูงมาก เพราะปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือทำงานมากขึ้น โดยตำแหน่งงานที่ต้องการ ได้แก่ Application Developer, IT Network, IT Engineer, Programmer & Developer, IT Sales, IT Support และ IT Specialist เป็นต้นสำหรับสายงานที่เป็นส่วนการขับเคลื่อนรายได้ให้ธุรกิจเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความต้องการสูง ได้แก่สายงานด้านการขายอาทิ งานขายออนไลน์ รองรับการเติบโตตลาดอีคอมเมิร์ซ และยังมีงานพัฒนาธุรกิจ เพื่อหาตลาดใหม่รวมถึงการเพิ่มฐานลูกค้ารับมือการเปลี่ยนแปลงทุกสถานการณ์ อีกทั้ง"สายงานด้านการตลาดดิจิทัล"เป็นอีกหนึ่งสายงานในยุคดิจิทัลที่มีความต้องการต่อเนื่อง เพื่อรองรับการทำตลาดยุคดิจิทัล นอกจากนี้ ยังต่อยอดและส่งเสริมให้เกิดอาชีพใหม่ที่รู้จักกันว่า“ยูทูปเบอร์” (YouTuber) และบล็อกเกอร์ (Blocker)ซึ่งเป็นช่องทางการของการสื่อสารการตลาดและเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าบริการผ่านกลุ่มดังกล่าว รวมทั้งยังมีการปรับตัวของกลุ่มอาชีพต่างๆ ไปสู่การให้บริการออนไลน์ ได้แก่ เทรนเนอร์ออนไลน์, ติวเตอร์ออนไลน์, ธุรกิจให้คำปรึกษาออนไลน์ รวมทั้งสายงานการเรียนรู้และสอนแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นวิถีที่หลายอาชีพมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงนอกจากนี้"สายงานด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน"เป็นอีกหนึ่งสายงานที่น่าจับต าและยังเป็นอาชีพที่ตลาดมีความต้องการสูงขณะนี้ สอดคล้องกับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซ งานคลังสินค้าและการขนส่ง ได้แก่ งานการจัดการคลังสินค้า, งานจัดส่งสินค้าหรือไรเดอร์, งานขับรถส่งอาหาร (Delivery), งานขับรถส่งสินค้าและพัสดุ เป็นต้นทางด้าน"สายงานบัญชีและการเงิน"ได้แก่ พนักงานบัญชี, พนักงานการเงิน และงานที่ปรึกษาด้านการเงิน เป็นงานที่มีความต้องการสูงและมีความต้องการต่อเนื่องมาโดยตลอดส่วน"สายงานผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะทาง"ได้แก่ แพทย์ พยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ นับว่ามีความต้องการสูงขณะนี้ในการรับมือกับสถานการณ์โควิดทางด้าน"สายงานในโรงงานอุตสาหกรรม"ตำแหน่งงานที่ต้องการ ได้แก่ วิศวกรและพนักงานฝ่ายผลิต ในบางอุตสาหกรรม เลือกใช้บริการในรูปแบบการจ้างงานแบบชั่วคราว หรือเป็นแบบสัญญาจ้าง เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม สายงานดังกล่าวถึงแม้จะได้รับผลกระทบในช่วงการปรับตัว แต่ในด้านการผลิตตามคำสั่งซื้อ ยังมีความต่อเนื่องอยู่ เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ตามแผนการผลิตสินค้าและกำลังซื้อที่คาดการณ์ว่าจะกลับมาในช่วงปลายปี "สายงานบริการลูกค้า"โดยเฉพาะงานบริการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ มีความต้องการสูงมากในปัจจุบันในการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในการอำนวยความสะดวกเรื่องข้อมูลและบริการต่างๆส่วนสายงานมาแรงรับกระแสยุคโควิด ได้แก่"สายงานด้านประกันภัย"ทั้งงานขายประกัน, งานบริการลูกค้าธุรกิจประกัน รวมถึงงานด้านประกันภัยออนไลน์ที่เติบโตอย่างมากในปัจจุบันที่มา : www.thansettakij.com****************************************************************************************************เกี่ยวกับแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกในการจัดหาแรงงานเชิงนวัตกรรม นำเสนอบริการด้านต่างๆ แก่ผู้ประกอบการในส่วนของกระบวนการจ้างงานและการทำธุรกิจครบวงจร รวมทั้งการสรรหาว่าจ้างพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานแบบมีสัญญาจ้าง, การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน, การฝึกอบรม, การช่วยหางานใหม่ (Outplacement), การรับเหมาจ้างงาน(Outsourcing) และการให้คำปรึกษา แมนพาวเวอร์ช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการกว่า 400,000 รายต่อปี ซึ่งประกอบด้วยบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลางในทุกประเภทธุรกิจ รวมทั้งบริษัทระหว่างประเทศรายใหญ่ที่สุด ติดต่อฝ่ายการตลาด: แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยข่าว | แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยบริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกโทร. 02-171-2345อีเมล : recruitmentthailand@manpower.co.thwww.manpowerthailand.com
-
ความต้องการแรงงานกลุ่มบริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center) โตต่อเนื่อง สอดรับเทรนด์ธุรกิจเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร, ธุรกิจดิจิทัลและอี-คอมเมิร์ซโตสวนกระแสก้าวสู่ยุค Next Normal
13 August 2021 ปรึกษาด้านการสรรหาบุคลากร กรุณากรอกข้อมูลด้านล่าง(เพื่อความสะดวกในการติดต่อกลับของเจ้าหน้าที่)