-
10 ทักษะที่เด็กจบใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มชีวิตการทำงาน
26 March 2023 ระวังสิ้นสุดทางเลื่อน... ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งการทำงานอย่างเป็นทางการค่ะ!โลกการทำงาน คือโลกอีกใบที่ทุกคนต้องเดินเข้าไป ซึ่งสำหรับน้อง ๆ เด็กจบใหม่ ก็ถือว่าได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวที่จะได้รับผิดชอบชีวิตตัวเองเต็มร้อย และน้อง ๆ จะค้นพบว่า ยังมีสิ่งที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน และอาจจะมาจากประสบการณ์ของแต่ละคน อย่างเรื่องของ Soft Skills ซึ่งเราเองก็สามารถฝึกฝนกันได้เพิ่มเติมวันนี้แมนพาวเวอร์ได้รวบรวม 10 Soft Skills ที่สำคัญสำหรับการทำงานมาให้ทุกคนลองเช็คกันดูว่า เรายังขาดอะไรไปบ้างมั้ย1. Time Management เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ภาพลักษณ์คุณสามารถเปลี่ยนไปได้เลยเพียงแค่คุณเป็นคนไม่รักษาเวลา นอกจากนี้ยังฝึกให้เรามีวิธีคิด รู้จักเรียงลำดับความสำคัญ และทำงานเสร็จภายใต้แรงกดดันได้ดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หลายบริษัทมองหา2. Communication ทักษะการสื่อสารเป็น Soft Skill ที่สำคัญมาก ๆ เพราะจะเป็นทักษะแรกที่ HR มองเห็นตั้งแต่เริ่มมาสัมภาษณ์ เราจะเข้ามาทำงานได้หรือไม่ได้ นอกจากประสบการณ์การทำงานแล้วทักษะการสื่อสารก็จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกเราเอง3. Adaptability ในยุคที่อะไร ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะการปรับตัวจึงเป็น Soft Skill ที่จำเป็นอย่างมาก เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เราไม่ได้โฟกัสแค่เป้าหมายอย่างเดียว แต่ยังนึกถึงการปรับเปลี่ยน ‘วิธีการ’ ในการไปถึงเป้าหมายอีกด้วย4. Problem-solving ทักษะการแก้ปัญหา เป็น Soft Skills ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรมีติดตัวไว้ในทุกสถานการณ์ ไม่เพียงเฉพาะแต่ในการทำงานเท่านั้น บางครั้งในชีวิตประจำวันเราก็อาจใช้ทักษะนี้โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำไป5. Creativity การพยายามสร้างบางอย่างที่นอกเหนือไปจากสิ่งที่คนทั่วไปมองเห็น ถือว่าเป็นทักษะที่มีคุณค่ามากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะไม่มีหลักสูตรตายตัวในการเรียน การสอน ทักษะนี้ยังเป็นการรวมเอาหลายทักษะไว้ด้วยกัน เช่น ช่างสังเกต อยากรู้อยากเห็น และการเปิดใจกว้าง รวมถึงการเสพข้อมูลหลากหลาย6. Presentation skills ผลงานที่ดี ถ้าถูกสื่อสารผ่านการนำเสนอที่ดี ก็จะทำให้ผลงานนั้นยิ่งดีขึ้นไปอีก วิธีการนำเสนอ การดึงความสนใจผู้ฟัง และการจัดการความเครียด ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และความสามารถในการนำเสนอผลงานและไอเดียได้ดี เป็นอีกสิ่งหนึ่งจะทำให้อาชีพการงานก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว7. Leadership การเป็นผู้นำไม่ได้มาพร้อมกับตำแหน่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงมุมมองความคิดและวิสัยทัศน์ที่จะนำพาทีมทุกคนไปสู่ความสำเร็จด้วย ซึ่งในการทำงานไม่ใช่คนที่อยู่ในระดับหัวหน้าเท่านั้นถึงจะต้องมีทักษะความเป็นผู้นำ แต่ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นผู้นำในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน8. Critical Thinking การคิดเป็นเหตุเป็นผลที่จะแสดงวิธีคิดได้เป็นอย่างดี จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์เหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถี่ถ้วน จัดลำดับความคิดได้ดี เหมาะกับยุคแห่ง data ที่มีข้อมูลล้นทะลักมากมายมาให้คิดวิเคราะห์และจัดเรียงความสำคัญ เพื่อให้งานและการใช้ชีวิตออกมาในรูปแบบที่ดีและมีประสิทธิภาพ9. Agile Project Management การทำงานในรูปแบบของ Work From Home เข้ามาผสมผสานกับการทำงานในรูปแบบเดิม กระนั้นทักษะการสื่อสารจึงเป็นสิ่งที่จะเป็นที่จะทำให้ทีมเข้าใจในรายละเอียดของงาน และเกิดความคล่องตัวในการประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ10. Digital Literacy ทุกวันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญมากในชีวิตมนุษย์ เทคโนโลยีในที่นี้รวมทั้งอุปกรณ์อย่าง คอมพิวเตอร์ มือถือ และความสามารถในการใช้โปรแกรม สื่อออนไลน์และ social media ต่าง ๆ ด้วย การมี Digital Literacy คือความเชี่ยวชาญและเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ และสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการทำงานในปี 2023 นี้หากใครมีเพียงแค่ Hard Skills อาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะการทำงานยุคใหม่จะต้องอาศัยการผสมผสานทักษะระหว่างทั้ง Hard Skills และ Soft Skills จึงจะสามารถช่วยให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การใช้ชีวิต รวมไปถึงการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขนั่นเอง สำหรับใครที่อยากเก่ง Soft Skills ในด้านต่าง ๆ มากขึ้นเราแนะนำให้คุณฝึกฝนเยอะ ๆ ยิ่งฝึกเยอะ คุณก็จะยิ่งทำมันได้ดี แมนพาวเวอร์เชื่อมันใน "ศักยภาพของคน" หากคุณได้พยายามอย่างตั้งใจแล้วก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน และอย่าลืมให้แมนพาวเวอร์เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณนะคะ สมัครงาน คลิก
-
ไอที เส้นเลือดหล่อเลี้ยงทุกอุตสาหกรรม
22 February 2023 ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์…ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกได้ประจักษ์แล้วว่าเทคโนโลยีสำคัญต่อการทำงานแค่ไหนทั้งในระดับองค์กรและระดับปัจเจกบุคคล ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า ทุกทิศทุกทางต่างก็ก้าวเข้าสู่เส้นทางไอทีอันไร้ที่สิ้นสุด นับว่าเป็นการ “ก้าวกระโดดของการพัฒนาด้านไอที” เลยก็ว่าได้เมื่อทุกอุตสาหกรรมตระหนักได้ว่า หากปราศจาก Information Technology ที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจและการปฏิบัติงานย่อมไปต่อไม่ได้ในยุคที่เศรษฐกิจหยุดชะงักอย่างในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ผลลัพธ์ที่ตามมา แน่นอนว่างานสายไอทีย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดงานมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็น "สายงานดาวรุ่งแห่งปี 2023" เลยก็ว่าได้ และในขณะนี้ที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ไอเดียและนวัตกรรมไอทีใหม่ ๆ ตลอดจนบุคคลากรด้านไอทีชั้นเลิศที่อุบัติขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ในที่สุดก็มีช่องทางทำให้ไอเดียเป็นจริงหรือใช้ได้จริงขึ้นมาด้วยประสิทธิภาพเต็มร้อย และยังคงพัฒนาต่อยอดต่อไปได้อีกดังนั้น เมื่อกล่าวถึงไอทีในยุคนี้ ก็เปรียบได้ว่าเป็นเส้นเลือดในร่างกายที่คอยส่งถ่ายเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ ซึ่งเทรนด์การพัฒนางานไอทีในปัจจุบันครอบคลุมหัวข้อใหญ่ ๆ อะไรบ้างและเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างไร แมนพาวเวอร์ได้รวบรวมมาให้ศึกษากันแล้ว1. Remote working software/ Cybersecurity แทบจะทุกอาชีพบนโลกนี้ได้ผ่านช่วงเวลา remote working หรือการทำงานจากระยะไกลกันมาทั้งนั้น หลาย ๆ ซอฟต์แวร์ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในการทำงานรูปแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เป็นผลพวงด้านลบของการพัฒนาก็มีมากขึ้นตามไปด้วย การผสานกันของเทคโนโลยีและการส่งต่อข้อมูลออนไลน์ กลายเป็นโครงสร้างของระบบดิจิทัลอันล้ำลึก แต่ยิ่งเปิดกว้าง ยิ่งเสี่ยงต่อการแทรกแซงของกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งสามารถล้มบริษัทขนาดยักษ์ได้ในพริบตา ดังนั้น การพัฒนาระบบความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Cybersecurity จึงเพิ่มความสำคัญขึ้นมา โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ทุกองค์กร ควรมีการอบรมพนักงานอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ในการแทรกแซงระบบข้อมูลของบริษัทได้ นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านคนทั่วโลกในปีนี้ เพื่อมาตอบสนองต่อการปกป้องข้อมูลขององค์กรต่าง ๆ นั่นเอง2. Digital marketingการตลาดยุคดิจิทัล เติบโตขึ้นมาท่ามกลางการทำธุรกิจแบบออนไลน์ งานไอทีจึงเป็นจุดเติมเต็มให้ธุรกิจและการทำการตลาดแบบออนไลน์ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาของ Search Engine Optimization หรือ SEO ที่บริษัทต่าง ๆ ต้องงัดกลยุทธ์มาเพื่อให้สินค้าหรือบริการของตนปรากฎในผลค้นหาในอินเตอร์เน็ตได้เป็นระดับต้น ๆ หรือการขายสินค้าผ่านอีเมลหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็ย่อมต้องมีระบบแอปพลิเคชั่นหรือซอฟต์แวร์มารองรับเพื่อปรับกลยุทธ์ทางการตลาดดิจิทัล3. UX/UIการตอบรับความต้องการของลูกค้าสามารถเป็นจุดเปรียบในธุรกิจว่าจะรุ่งหรือร่วง ซึ่ง UX/UI เข้ามามีบทบาทอย่างสูงในยุคปัจจุบัน UX หรือการออกแบบระบบที่ช่วยทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ในขณะที่ UI หรือ User-Interface คือการออกแบบที่ทำให้แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ สวยงามและใช้งานสะดวก ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ มีหน้าที่ทำให้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงทุกคน แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านนี้เลยก็ตาม นับว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญในการเป็นสะพานเชื่อมต่อทุกคนและทุกข้อมูลบนโลกให้ประสานกัน4. DX หรือ Digital Transformation และ Automation เป็นการกล่าวถึงภาพรวมของการผันตัวขององค์กรต่าง ๆ ให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งยังประโยชน์โดยตรงแก่องค์กรทั้งหลาย ครอบคลุมในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านความพึงพอใจที่ลูกค้าได้รับจากประสบการณ์ตรง ด้านกระบวนการทางธุรกิจที่รวดเร็วและสะดวกสบายขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาประสิทธิภาพและความสัมพันธ์ของพนักงาน สำหรับระบบ automation นั้น ก็มีการพัฒนาหุ่นยนต์มาทำงานแทนมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม แต่อาจจะยังมีข้อจำกัดเล็กน้อยด้านความแม่นยำที่สายไอทีต้องพัฒนากันต่อไป5. ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIหนึ่งในการพัฒนาที่ก้าวหน้าที่สุดย่อมไม่พ้น “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ Artificial Intelligence (AI) ซึ่งแฝงตัวอยู่ในทุกอุตสาหกรรมเพื่อแบ่งเบาแรงงานหรือช่วยเสริมส่งความสามารถของมนุษย์ โดยปัจจุบัน การพัฒนา AI นั้นก้าวหน้าไปรวดเร็วมาก จนแทบจะคิดแทนมนุษย์ได้และหลายบริษัทต่างก็ทุ่มทุนมหาศาลในการพัฒนา AI ให้ล้ำหน้าที่สุด เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ แต่ก็เหมือนระบบ automation ที่ยังต้องศึกษาพัฒนากันต่อให้สมบูรณ์ยิ้งขึ้น มีระบบความคิดและการประมวลผลที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ การผสานกันระหว่างคนกับ AI เป็นสิ่งจำเป็น เพราะในปัจจุบัน แม้ว่า AI จะเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ได้มากพอสมควร อย่างไรก็ดี นอกจากการทำความเข้าใจด้านเทคโนโลยีแล้ว การทำความเข้าใจด้านมนุษย์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะผู้ที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างบริษัทกับผู้บริโภคก็คือ “พนักงาน” ไม่ว่าระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ จะก้าวหน้าเพียงใด ต้องไม่ลืมบทบาทความสำคัญของ “คน” และนอกจากนี้ เราต้องเข้าใจถึงกลยุทธ์ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ ยังต้องตระหนักถึงความสำคัญของ “ข้อมูล” ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีอีกด้วย การหาจุดสมดุลย์ในสมการนี้ จึงเป็นภารกิจของทุกองค์กรที่จะหาคำตอบที่เหมาะสมกับธุรกิจตัวเองมากที่สุดเข้าใจเรื่องความสำคัญของเทคโนโลยีและไอทีแล้ว หากใครสนใจงานด้านไอที หรือบริษัทที่ต้องการหาพนักงานไอทีคุณภาพ สามารถติดต่อแมนพาวเวอร์ได้เลยเพราะเรามีผู้สมัครที่เชี่ยวชาญด้านไอทีมากมายที่จะช่วยให้องค์กรของคุณก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก
-
5 สถานที่ของาน ที่สายมูห้ามพลาด!
13 February 2023 หลายปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แสนลำบากจากโควิด-19 อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนกังวลใจ คือ ‘ปัญหาการตกงาน’ จึงต้องเริ่มเสาะหาที่พึ่งทางใจ สำหรับสายมูเตลูอย่างเรานั้นนนน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องเอาด้วยกล !!! (ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็ต้องเอาด้วยคาถา ) บนของาน ที่ไหนดี ที่ไหนขลัง มีคนแก้บนกันแบบอุ่นหนาฝาคั่ง ทางเราได้รวบรวม 5 สถานที่ของานแบบจึ้งที่สายมูเตลูนักสู้อย่างเราไม่ควรพลาดมาให้แล้ว (โพยของที่ต้องนำไปและวิธีไหว้มีพร้อม) ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลยค่ะ !1. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครอุปกรณ์ในการไหว้ : ธูป 3 ดอก , เทียน 1 เล่ม , ผ้าแพร 3 สี และดอกบัวเวลาทำการ : ทุกวันเวลา 06.30 - 18.30 น.2. ท้าวมหาพรหมเอราวัณอุปกรณ์ในการไหว้ : ธูป 12 ดอก, เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัยดาวเรือง 4 พวงเวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 06.00 – 23.00 น.3. ศาลเจ้าพ่อเสืออุปกรณ์ในการไหว้ : ธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง, เทียนสีแดง 2 เล่ม, และพวงมาลัย 1 พวงเวลาทำการ : ทุกวันเวลา 6.00 - 17.00 น.4. สมเด็จพระปิยมหาราช พระบรมรูปทรงม้าอุปกรณ์ในการไหว้ : ธูป 16 ดอกและของตามรายการต่อไปนี้ ซึ่งไม่ต้องครบก็ได้ เอาตามสะดวก ดอกกุหลาบสีชมพู ทองหยิบทองหยอด ข้าวคลุกกะปิ บรั่นดี ซิการ์ น้ำมะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้าเวลาทำการ : 24 ชม. เวลาดีที่สุดในการไหว้คือ วันอังคาร 4 ทุ่ม และทุกวันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู5. ศาลพระพิฆเนศ สี่แยกห้วยขวางอุปกรณ์ในการไหว้ : ธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม พวงมาลัยดอกไม้ ผลไม้ ขนมหวาน นม หรือน้ำหวาน เวลาทำการ : 24 ชม.หากใครเคยไปมูที่ไหนกันมา ก็มาแชร์กันหน่อยว่าที่ไหนแม่นสุด จะได้ไปตามรอย อิอิ และสำหรับใครที่อยากมีงานไว สมหวังดังใจ ไหว้ขอพรที่พึ่งทางใจกันไปแล้ว อย่าลืมมาพึ่งทางแมนพาวเวอร์เพื่อสานฝันในการมีงานทำให้เป็นจริงกันนะคะสมัครงานกับแมนพาวเวอร์ คลิก
-
"The New Human Age" ผลสำรวจทิศทางการทำงานในอนาคต และเทรนด์ในการจ้างงานปี 2023
7 February 2023 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญและแนวโน้มที่ส่งผลต่อรูปแบบการทำงานในอนาคต พร้อมข้อมูลเชิงลึก กรอกแบบฟอร์มเพื่อดาวน์โหลดรายงานด้านล่างvv
-
6 สิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องเจอในชีวิตการทำงาน แต่มหาวิทยาลัยไม่เคยสอน
26 January 2023 ชีวิตมหาวิทยาลัยมีหลายสิ่งดี ๆ เกิดขึ้น เช่น การได้เจอเพื่อนที่ดี การได้ความรู้อะไรมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เรายังไม่เคยได้จากมหาวิทยาลัยคือการเตรียมตัวเข้าสู่โลกของการทำงาน เรามาดูกันว่า 7 สิ่งที่เด็กจบใหม่ต้องเจอเมื่อถึงวัยทำงาน แต่มหาวิทยาลัยไม่เคยสอนมีอะไรบ้าง1. วิธีการหางานรู้หรือไม่ว่างานส่วนใหญ่สามารถหาได้จากคนรู้จัก ไม่ใช่ตำแหน่งงานที่เปิดรับ เช่น เรามักจะได้ยินหรือได้รับคำแนะนำเครื่องตำแหน่งงานจากคนใกล้ตัว เช่น พ่อ-แม่ เพื่อน หรือเพื่อนของเพื่อน เป็นต้นคำแนะนำ : เมื่อหางานอย่าใช้เวลาทั้งหมดไปกับการสมัครงานในเว็บหางาน แต่ให้เข้าถึงเครือข่ายของตัวเอง เช่น การเขียนอีเมล โดยไปที่ LinkedIn และส่งข้อความหาคนที่เรารู้จัก ชวนทานอาหารกลางวัน หรือพูดคุยกับทุกคน นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียก็เป็นสิ่งสำคัญ เราสามารถโพสต์บน Facebook เพื่อให้เพื่อนรู้ว่าเรากำลังมองหาอะไร และเพื่อเพิ่มโอกาสในการได้งานคุณภาพ ติดต่อแมนพาวเวอร์ คลิก 2. วิธีสัมภาษณ์งานถ้าถามว่าในชีวิตนี้เราเคยถูกสัมภาษณ์ตอนไหน ก็คงตอบได้แค่ว่าตอนสมัครเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ ๆ แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยถูกสัมภาษณ์แบบจริงจังอีกเลย จนกระทั่งเรียนจบที่เราต้องเผชิญกับการสัมภาษณ์งานคำแนะนำ : เราสามารถฝึกสัมภาษณ์ได้ผ่านการเสิร์ช Google ว่ามีคำถามสัมภาษณ์ไหนบ้างที่พบเจอบ่อย > คำถามในการสัมภาษณ์งานและวิธีการตอบแบบมือโปร!3. วิธีต่อรองเงินเดือนหลายคนเมื่อไปสัมภาษณ์แล้วคงจะเจอกับคำถามว่า “เงินเดือนที่คาดหวังคือเท่าไหร่?” แต่สำหรับคนที่ไม่เคยรู้และไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน อาจไม่รู้ว่าเราควรเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ในตำแหน่งที่ตัวเองสมัครคำแนะนำ : ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนเฉลี่ยในตำแหน่งที่ตัวเองสมัครตั้งแต่ก่อนที่จะถูกเรียกไปสัมภาษณ์ โดยสามารถดาวน์โหลด ผลสำรวจแนวโน้มอัตราเงินเดือนประจำปี 2566 ได้ที่ https://www.manpowerthailand.com/salary-guide-manpowergroup-thailand4. วิธีสร้างพันธมิตรในที่ทำงานในโลกแห่งความเป็นจริง เราต้องการพันธมิตรในที่ทำงานอย่างแน่นอน คุณจะต้องขอความช่วยเหลือ การสนับสนุนต่าง ๆ จริงอยู่ที่บอกว่า "เพื่อนร่วมงานดี ๆ นั้นหายาก" แต่ก็ไม่ได้แปลว่าหาไม่ได้ จริงมั้ยคะ ? คำแนะนำ : ให้ความจริงใจ และความสำคัญกับเพื่อนร่วมงาน แม้เราจะย้ายที่ทำงานใหม่ หรือแยกจากกัน พวกเขาเหล่านั้นก็ยังสามารถเป็นเพื่อน พี่ น้องที่ดี และคอนเนคชั่นที่ดีกับคุณได้5. วิธีรับมือหากถูกไล่ออกเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อทำงานไปแล้วในอนาคตจะถูกไล่ออกไหม แล้วหากถูกไล่ออกจะทำอย่างไร เพราะช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่กระทบความมั่นคงในชีวิตการทำงานมาก ๆ คำแนะนำ: ในโลกของการเรียนสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ได้เกรดดี ๆ คือ ตั้งใจเรียนและทำข้อสอบให้ดีวนไป แต่ในโลกการทำงานไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกต่อไป เพราะนอกจากผลงานแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น วัฒนธรรมองค์กร การเมืองต่าง ๆ นา ๆ ผลประกอบการ และอื่น ๆ แต่เมื่อเราถูกไล่ออกแล้ว ให้คิดไว้เสมอว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และให้ย้อนกลับไปข้อที่ 1. คือการหางานใหม่ตามคำแนะนำข้างต้น6. วิธีหางานที่เหมาะสมกับตัวเองทุกคนมักพูดว่า "ให้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ" แต่ไม่มีใครพูดถึงวิธีการเลยจริง ๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ด้านความสุขกล่าวว่า "สิ่งสำคัญจริง ๆ คือการใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสิ่งที่เราถนัด"คำแนะนำ: ลองดูรายละเอียดงานที่เราสนใจคร่าว ๆ แล้วจัดลำดับความสำคัญดูว่างานที่ตัวเองถนัดและชอบทำคืออะไรการศึกษาที่ดีเป็นสิ่งสำคัญค่ะ แต่ต้องเปิดใจยอมรับว่าคนเรามักเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา และยังมีอีกหลายสิ่งมากมายที่ไม่สามารถเรียนจากในห้องเรียนได้ แมนพาวเวอร์เป็นกำลังใจให้น้อง ๆ ที่กำลังจะจบ หรือเด็กจบใหม่ทุกคนให้ได้รับโอกาสดี ๆ ในชีวิตการทำงานนะคะ!สนใจสมัครโครงการ Manpower Talent Academy ห้องเรียนรู้สำหรับเด็กจบใหม่ ที่กำลังเปิดรับสมัคร Associate Recruiter เพื่อเรียนรู้การจัดหาคน และการสัมภาษณ์ ถ่ายทอดวิชาโดยผู้เชี่ยวชาญจากทุก Business Unit ของ ManpowerGroup โอกาสสำคัญในการได้รับคัดเลือกเข้าทำงานกับบริษัทชื่อดังระดับโลก!!!! จบหลักสูตร พร้อมบรรจุเป็นพนักงานประจำทันที สมัครฟรี เทรนนิ่งฟรี แถมมีค่าขนมระหว่างฝึกงานด้วย คลิก > https://bit.ly/3WpzbWw
-
7 เทรนด์เทคโนโลยีที่น่าจับตามองปี 2023
24 January 2023 เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องติดตามเทรน์เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และกระบวนการทำงานภายในองค์กรได้ทันกับความเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งเรื่องความไม่แน่นอน (Uncertainty) ที่เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้เกิดวิกฤตขึ้น อันส่งผลกระทบไปกับทุกคนบนโลกนี้เป็นที่เรียบร้อยวันนี้แมนพาวเวอร์จึงได้นำ 7 อันดับเทรนด์เทคโนโลยีมาแรงปี 2023 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเทรนด์เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของแบรนด์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ข้อมูลเหล่านี้อาจจะช่วยให้นักธุรกิจสามารถจัดการเกี่ยวกับการลำดับความสำคัญได้1. Digital Immune Systemแนวทางที่ครอบคลุมสำหรับการป้องกันไวรัสที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย IBM แรงจูงใจที่พัฒนาครั้งนี้เป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่กระจายไวรัสที่ง่ายและรวดเร็วบนอินเทอร์เน็ต ซึ่ง Digital Immune System จะเป็นการปรับโดยรวมกลยุทธ์ด้านวิศวกรรมซอร์ฟแวร์หลายแบบเพื่อป้องกันความเสี่ยงหลาย ๆ แบบที่อาจเกิดขึ้น ผ่านการสังเกตการณ์ ระบบอัตโนมัติและการทดสอบขั้นสูง ยุคนี้ผู้บริโภคนั้นให้ความสำคัญในการของความป้องกันการปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นเทคโนโลยีที่จะช่วยในเรื่องนี้ที่ดีกว่าเดิมนั้นจะเป็นที่ต้องการอย่างแน่นอน2. Applied Observabilityการใช้ AI มาวิเคราะห์และให้คำแนะนำ เพื่อช่วยให้องค์กรนั้นสามารถตัดสินใจได้แม่นยำหรือมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีการนำไปใช้อย่างเป็นระบบแล้วจะสามารถลดเวลาในการตอบสนองและดำเนินธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ได้นั่นเอง3. Risk and Security Management (AI TRISM)จากการสำรวจของการ์เนอร์พบว่า 40% ขององค์กรต่างๆ ต่างประสบปัญหาการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือมีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้น ดังนั้นองค์กรจำเป็นต้องนำความสามารถใหม่ ๆ มาใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าแบบจำลองมีความเสถียร เชื่อถือได้ มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล ซึ่ง AI Trus นั้น จะจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย (หรือ TRiSM) กำหนดให้ผู้เข้าร่วมแผนกต่างๆ ในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อนำมาตรการใหม่นี้มาปรับใช้นั่นเอง 4. Wireless-Value Realisationการ์เนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 60% ขององค์กรจะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5 อย่างขึ้นไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอย่างมากมายเข้ามาครอบครองตลาด แต่องค์กรธุรกิจต่างๆ จะใช้โซลูชันไร้สายที่หลากหลายเพื่อรับกับทุกสภาวะแวดล้อม ตั้งแต่ Wi-Fi ในสำนักงาน ผ่านบริการในอุปกรณ์พกพา ไปจนถึงบริการที่ใช้พลังงานต่ำ รวมไปถึงการเชื่อมต่อวิทยุ5. Superappsยุคของสมาร์ทโฟนเลยต้องการอุปกรณ์ที่พกพาที่ซึ่งใช้งานง่ายและประสิทธิภาพ ในหนึ่งแอปฯ สามารถใช้ทำกิจกรรมหรือธุรกรรมได้หลายอย่างเพื่อความสะดวกและง่าย เช่น แอปส่งอาหารในยุคนี้ ไม่ได้แค่มีแค่บริการส่งข้าวเดลิเวอรี่แล้ว มีทั้งส่งเอกสาร จองโรงแรมหรือบริการรถรับ-ส่ง6. Metaverse การ์เนอร์คาดการณ์ว่า การสร้างพื้นที่ทำงานเสมือนจริงเต็มรูปแบบ (Fully Virtual Workspaces) จะคิดเป็น 30% ของการเติบโตด้านการลงทุนในเทคโนโลยี Metaverse และจะพลิกโฉมประสบการณ์การทำงานในสำนักงานไปจนถึงปี 25707. Sustainable Technologyความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะเป็นเทรนด์ในปี 2023 แต่เรื่องของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยในปี 2023 เราอาจได้เห็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกพูดถึงเรื่องของความยั่งยืนมากขึ้น ผ่านกรอบของการจัดการการปล่อยมลพิษ และมีการให้ความรู้เพิ่มมากขึ้นว่า ส่วนประกอบของอุปกรณ์ไอทีทั้งหมดมาจากไหน ควรบริโภคอย่างไร ให้ทุกการผลิตที่มีการใช้ทรัพยากรของโลกใบนี้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้7 เทรนด์ที่แมนพาวเวอร์ได้นำมาฝาก นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริงแก่ผู้บริหารและผู้นำด้านไอที สำหรับช่วยให้สามารถใช้ขับเคลื่อนองค์กรก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไปได้ หากองค์กรใดที่ต้องการพนักงานสายไอที แมนพาวเวอร์มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ช่วยคุณตามหา "พนักงาน" ที่ตอบโจทย์กับองค์กรคุณให้ได้มากที่สุด ติดต่อเราที่ https://bit.ly/3qP2mou ได้เลยค่ะ
-
เผยผลสำรวจ "แนวโน้มการจ้างงาน" ไตรมาสที่ 1/2566
20 January 2023 "ในการสำรวจแนวโน้มการจ้างงานของ ManpowerGroup ฉบับล่าสุดจากนายจ้างเกือบ 39,000 ราย มี 12 ประเทศจาก 41 ประเทศและดินแดนรายงานความตั้งใจที่สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า นายจ้างทั่วโลกยังคงคาดหวังว่าจะจ้างคนทำงานเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566 โดยรายงานแนวโน้มการจ้างงานสุทธิในแต่ละปีพบว่า แนวโน้มในการจ้างงานลดลงในทุกปี และทุกไตรมาส 14% และ 6% ตามลำดับ"
-
ประโยชน์ของ HR Consultant ที่ดีต่อธุรกิจ
19 January 2023 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าองค์กรที่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายได้ ส่งผลให้หลายองค์กรลงทุนในการสรรหาบุคลากรอย่างมาก โดยเฉพาะตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคล (HR Manager) เพื่อมายกระดับงานบุคคลและยกระดับพนักงานให้เป็นไปตามที่คาดหวังอย่างไรก็ตาม หลายองค์กรยังไม่สามารถบรรลุเป้าในการพัฒนาภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ทำให้ “HR Consultant” หรือที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลเป็นส่วนสำคัญที่จะพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ดังนั้นในบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จัก HR Consultant คือใคร? ทำหน้าที่อะไร? ทำไมต้องจ้าง HR Consultant ด้วย และประโยชน์ที่องค์กรและพนักงานจะได้รับคืออะไรบ้าง? มาทราบพร้อมกันเลยHR Consulting คืออะไร?HR Consulting คือ ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล ทำหน้าที่เป็น Outsource ให้กับแผนกบุคคลให้กับธุรกิจ โดยจะคอยสำรวจและเสนอแนวคิดในการพัฒนาบุคลากรในองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างเหมาะสม ทั้งด้านการบริหารงานทรัพยากรบุคคล การวางแผนยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และแผนปฏิบัติ ขอบเขตเนื้องานจะเกี่ยวข้องกับสวัสดิการ เงินเดือนและค่าจ้าง การรับพนักงานและการลาออก การดูแลพนักงานอย่างเท่าเทียม แรงงานสัมพันธ์ การพัฒนาบุคคล ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย ลดโอกาสที่จะนำไปสู่การลาออกของพนักงานในภายหลังที่อาจทำให้การดำเนินการต้องสะดุด ตลอดจนการยกระดับระบบงานบุคคลไปตามขนาดขององค์กรถึงแม้เนื้องานของ HR Consulting จะมีความคล้ายคลึงกับงานแผนก HR หรือ HR Corporate อย่างมาก แต่ HR Consulting จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษากับบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วไปไม่จำกัดเฉพาะเพียงองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ในขณะที่ HR Corporate จะให้คำปรึกษาเฉพาะกับภายในองค์กรนั้น ๆ เพียงเท่านั้น โดยความสำคัญของ HR Consultant คือผู้ที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรนั้นให้เติบโตตามเป้าหมายขององค์กร พร้อมใช้เครื่องมือวัดและประเมินผลศักยภาพของพนักงานรายบุคคล รวมถึงการคัดสรรพนักงานที่เหมาะสมเข้ามาดำเนินงานภายในบริษัทได้ประโยชน์ของ HR Consultant ต่อองค์กรกล่าวได้ว่า HR Consultant เหมาะกับองค์กรหลากหลายลักษณะไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก องค์กรระดับ SME ธุรกิจ Start-Up และธุรกิจขนาดใหญ่ เพราะ HR Consultant จะมีความรู้ด้านธุรกิจว่ามีการดำเนินการอย่างไร ประเภทของธุรกิจ และแนะนำวิธีการที่ถูกต้องในการบริหารและจัดการพนักงานภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพประโยชน์ของ HR Consultant ต่อธุรกิจ ธุรกิจจะมีที่ปรึกษาในการคิดกลยุทธ์งานบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตจากที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลโดยเฉพาะ ทำให้สามารถขับเคลื่อนพนักงานได้ตรงตามความต้องการ โดยที่ปรึกษาจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถเข้าใจพนักงานในองค์กรมากขึ้น และสามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านบุคลากรอย่างยั่งยืนได้ผ่านการทำระบบโครงสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสม พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีให้สอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจประโยชน์ของ HR Consultant ต่อบุคลากรการมี HR Consultant สามารถลดภาระหน้าที่ของพนักงานฝ่ายบุคคลได้ เพราะฝ่ายบุคคลสามารถเรียนรู้กระบวนการวางแผนงานอย่างมีระบบร่วมกับทีมที่ปรึกษา ช่วยดึงศักยภาพของพนักงานแต่ละบุคคลให้สามารถพัฒนาและต่อยอดไปสู่เส้นทางอาชีพที่เหมาะสมภายในองค์กรได้ผ่านการประเมินผลและการพัฒนาศักยภาพพนักงานการมี HR Consultant ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับองค์กร เพราะได้รับประโยชน์ทั้งต่อตัวองค์กรและบุคลากร โดยองค์กรจำเป็นต้องเลือก HR Consultant ที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษากับสายงานธุรกิจเดียวกันมาก่อน ทั้งนี้องค์กรใดกำลังมองหาที่ปรึกษา ทาง ManpowerGroup Thailand มีบริการ HR Consultant และยังเป็น Recruitment Agency ที่มีประสบการณ์ในการสรรหาพนักงานและนำเสนอบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานทรัพยากรบุคคลอย่างครบวงจร ทั้งการสรรหาบุคลากรประจำ ชั่วคราว สัญญาจ้าง การประเมินผลและการคัดเลือกพนักงาน การฝึกอบรม การช่วยหางานใหม่ บริการรับทำเงินเดือนพนักงาน การดำเนินการเอกสารด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ตลอดจนการให้คำปรึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการต่าง ๆManpower เก่งหาคน ถนัดหางาน “We Love our Job”บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร เพราะเราเชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำของเรากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันติดต่อเราLINE OA: @manpowergroup_thCall Center: 02-171-2345E-mail: recruitmentthailand@manpower.co.thWebsite:www.manpowerthailand.com
-
รายงานตัวว่างงานช้า ลืมรหัส กรอกข้อมูลผิด แก้ไขได้ง่ายๆ อ่านเลย
19 January 2023 พนักงานที่ทำงานประจำหรือสัญญาจ้างหลาย ๆ คนอาจรู้สึกเคว้งคว้างหลังออกจากงานประจำ หมดสัญญาจ้าง หรือถูกเลิกจ้าง ต้องออกจากงานแบบกระทันหัน แต่ รู้หรือไม่ ระหว่างที่กำลังรอสัมภาษณ์งานใหม่อยู่นั้น เราสามารถขึ้นทะเบียนว่างงานเพื่อขอรับสิทธิ์รับเงินทดแทนได้หากเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือเป็นลูกจ้างที่ส่งเงินสมทบทุนเข้ากองทุนประกันสังคมนั่นเอง แต่ไม่ใช่ว่าหลังจากลงทะเบียนแล้ว จะได้รับเงินชดเชยตลอด โดยไม่ต้องทำอะไร เพราะยังมีขั้นตอน “การรายงานตัวว่างงาน” ที่จำเป็นต้องเข้าไปรายงานตัวทุกเดือนเพื่อรักษาสิทธิ์ ดังนั้นในบทความนี้จะมาตอบข้อสงสัยและแก้ไขว่าถ้าเกิดเหตุจำเป็นที่ต้องรายงานตัวว่างงานช้า ลืมรหัส กรอกข้อมูลผิดจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้ได้รับเงินครบถ้วนตามสิทธิ์ การลงทะเบียนคนว่างงานการลงทะเบียนว่างงานสามารถทำได้โดยง่ายทั้งการเดินทางไปขอขึ้นทะเบียนสำนักงานจัดหางานตามภูมิลำเนาที่สะดวก และขึ้นทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ http://empui.doe.go.th โดยหลังจากลาออก ถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญา สามารถที่จะขึ้นทะเบียนว่างงานได้ภายใน 30 วัน และต้องยื่นเรื่องรับเงินภายใน 1 ปี ไม่อย่างนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์ รวมถึงเตรียมเอกสารสำคัญและส่งให้ครบถ้วน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่)เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วทางสำนักงานจะออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนว่างงานและจะมีใบนัดรายงานตัวที่จะกำหนดวันที่ในการรายงานตัวว่างงานให้กับผู้ขึ้นทะเบียนทุกคน โดยจะต้องมารายงานตัวว่างงานตามวันที่กำหนด เพราะหากไม่มารายงานตัวว่างงานจะถือว่าไม่ได้รับเงินชดเชยในเดือนนั้น ๆ ดังนั้นใครที่ขึ้นทะเบียนและได้รับกำหนดวันรายงานตัวว่างงานก็ตั้งเตือนวันที่ได้เลย ซึ่งจะมีกำหนดรายงานตัวเดือนละครั้งเป็นระยะเวลา 6 เดือนโดยการรายงานตัวว่างงานสามารถสามารถดำเนินการได้ทั้งผ่านช่องทางเว็บไซต์เดียวกันและไปยังสำนักงานประกันสังคมเพื่อรายงานตัว แต่สำหรับใครที่ไม่ว่างไปรายงานตัว กรอกข้อมูลเอกสารผิด หรือลืมรหัสผ่านจนทำให้ไม่สามารถรายงานตัวว่างงานได้ Manpower ขอมาแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้กันกรณีที่ทำให้ไม่สามารถรายงานตัวว่างงานและวิธีแก้ไข1.ไม่สะดวกไปรายงานตัวตามสิทธิ์ในกรณีที่ไม่สามารถไปรายงานตัวตามวันที่กำหนดได้ สามารถไปรายงานตัวได้ก่อนและหลังวันนัด 7 วัน (นับรวมวันหยุดราชการ) และเพื่อความสะดวกสามารถกดรายงานตัวผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่สามารถรายงานตัวตามสิทธิ์ในระยะเวลาที่กำหนด เพราะเกิดการเจ็บป่วย การเดินทางไปต่างประเทศ หรือการเสียชีวิตของญาติที่มีรายชื่อในทะเบียนบ้าน จำเป็นที่จะต้องยื่นเอกสารหลักฐานต่อหน้าเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานประกันสังคมเพื่อรับสิทธิ์เงินทดแทนว่างงาน หากไม่มีหลักฐานหรือไม่ได้อยู่ในกรณีที่กล่าวไป ก็จะไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงานในเดือนนั้น ๆ ไป2.การกรอกข้อมูลผิดพลาดกรณีที่มีการกรอกข้อมูลผิดพลาด จะแยกออกเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบแรกกรอกผิดจากฝั่งผู้ลงทะเบียน ให้ติดต่อไปยังสำนักงานประกันสังคมสาขาที่ยื่นเอกสารเอาไว้ โดยยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อมูล สำหรับรูปแบบที่สอง คือ ข้อมูลผิดพลาดจากฝ่ายนายจ้าง ให้ติดต่อนายจ้างเพื่อให้ส่งหนังสือขอแก้ไขข้อมูลเข้ามาทางสำนักงาน รวมถึงในกรณีที่ออกจากงานแล้ว แต่นายจ้างยังไม่แจ้งเอาชื่อออกจากประกันสังคม ให้ติดต่อไปหานายจ้างโดยตรงเพื่อสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ที่ยื่นเรื่องไว้เพื่อให้ช่วยติดตามอีกครั้ง3.ลืมรหัสสมาชิกสำหรับใครที่ไม่สามารถรายงานตัวว่างงานเพราะลืมรหัสสมาชิก ให้เข้าหน้าเว็บไซต์และกดไปยังลืมรหัสผ่านระบบรายงานตัวว่างงาน (คลิกที่นี่) กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชนและวันเดือนปีเกิด จากนั้นกดตรวจสอบข้อมูล ระบบจะพาไปสู่หน้าตั้งรหัสใหม่ โดยรหัสจะต้องใช้เป็นตัวอักษรและตัวเลข ความยาวรวม 8 ตัวขึ้นไป เมื่อตั้งรหัสเสร็จอย่าลืมจดรหัสไว้ให้ครบถ้วนเพื่อป้องกันการลืมอีกครั้ง เมื่อเปลี่ยนรหัสเรียบร้อยแล้วก็สามารถที่จะเข้าไปรายงานตัวว่างงานได้ โดยระบบจะพาไปยังหน้าลงชื่อเข้าใช้อีกรอบ ใส่เลขประจำตัวประชาชนและรหัสใหม่เพื่อเข้าสู่ระบบ กดคลิกไปยังเมนูเพื่อกดรายงานตัวว่างงาน เมื่อสำเร็จแล้วก็จะขึ้นหน้าเอกสารเท่ากับว่าเป็นอันเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถคลิกปุ่มลืมรหัสผ่านได้ ระบบผิดเกิดพลาด หรือไม่สำเร็จ ก็สามารถเดินทางรายงานตัวว่างงานได้ที่กรมจัดหางานหรือหลังวันนัดไม่เกิน 7 วันนั่นเองหลังจากรู้แล้วว่าจะต้องแก้ไขอย่างไรหากรายงานตัวช้า กรอกข้อมูลผิด หรือลืมรหัสสมาชิก หลายคนคงอยากรู้แล้วว่าหลังรายงานตัวว่างงาน ใช้ระยะเวลากี่วันจึงจะได้รับเงิน โดยทั่วไปหากเอกสารครบถ้วนหลังจากยื่นเรื่องไป จะได้รับเงินเข้าบัญชีประมาณภายใน 5-7 วันไม่นับเสาร์-อาทิตย์ ในกรณีที่รายงานตัวก่อนและหลังกำหนดจะเข้าตามรอบบัญชี และวิธีการเช็คเงินรายงานตัวว่างงานสามารถเช็ดได้ ดังนี้ แอปพลิเคชัน SSO Connect เข้าสู่ระบบและเลือกหัวข้อ "การเบิกสิทธิประโยชน์" เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th และเข้าสู่ระบบและเลือก"ตรวจสอบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย"สายด่วนสำนักงานประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงหลังจากรายงานตัวว่างงานแล้ว ใครที่กำลังมองหางานอยู่ ทาง ManpowerGroup Thailand พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยหางานที่ใช่สำหรับคุณได้ เพราะเราคือบริษัทจัดหาคน จัดหางานชั้นนำ เพื่อหาคนทำงาน ให้ได้งานที่ตอบโจทย์ที่สุดManpower เก่งหาคน ถนัดหางาน “We Love our Jobs”บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร เพราะเราเชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำของเรากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันติดต่อเราLINE OA: @manpowergroup_thCall Center: 02-171-2345E-mail: recruitmentthailand@manpower.co.thWebsite:www.manpowerthailand.com
-
สีเสื้อมงคล ปี 2566 มาแล้ว ! งานรุ่ง รักปัง ฉบับ หมอไก่ พ. พาทินี
12 January 2023 ชาวทำงานเซฟเก็บไว้ด่วน ๆ ! สีเสื้อมงคลประจำวัน ปี 2566/2023 ฉบับ หมอไก่ พ.พาทินีตารางสีเสื้อมงคลประจำปี ไอเทมสำคัญที่ต้องเซฟไว้ในรายการโปรด! เพราะหลายคนมีความเชื่อว่า หากใส่เสื้อสีตรงกับวันนั้นๆ จะทำให้เราเกิดโชคลาภ มีเสน่ห์ เสริมเมตตา งานก็ดี แถมมีโชคอีกด้วย หลาย ๆ คนจึงมักให้ความสำคัญกับการเลือกใส่สีเสื้อตามประจำวันนั่นเองวันนี้แมนพาวเวอร์ได้นำสีเสื้อมงคลประจำปี 2566 ฉบับ หมอไก่ พ.พาทินี มาฝากกันค่ะ บอกเลยว่าใส่แล้วช่วยเสริมความมั่นใจ งานรุ่ง รักปัง เฮงสุด ๆ !วันอาทิตย์โชคดี : สีเขียวใบตองการเงิน : สีเทาดำ, สีม่วงเปลือกมังคุดการงาน : สีแดงเลือดหมู, สีส้มแดง ผู้ใหญ่รัก : สีบรอนซ์เงินเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเขียวใบเตย, สีเหลืองนวลสีต้องห้าม : สีน้ำเงินเข้มวันจันทร์โชคดี : สีเทาเข้ม, สีเทานกพิราบการเงิน : สีส้มอิฐ, สีเหลืองสว่างการงาน : สีเขียวใบเตย, สีเหลืองนวลผู้ใหญ่รัก : สีฟ้าอ่อน, สีน้ำเงินยีนส์เสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเทาดำ, สีม่วงเปลือกมังคุดสีต้องห้าม : สีแดงเลือดหมูวันอังคารโชคดี : สีส้มแดงการเงิน : สีโลหะ, สีเงิน, สีทองการงาน : สีเทาดำ, สีม่วงเปลือกมังคุดผู้ใหญ่รัก : สีแดงเลือดหมู, ส้มแดงเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีส้มอิฐ, สีเหลืองสว่างสีต้องห้าม : สีขาวครีมวันพุธ โชคดี : สีบรอนซ์เงินการเงิน : สีฟ้าอ่อน, สีน้ำเงินยีนส์การงาน : สีส้มอิฐ, สีเหลืองสว่างผู้ใหญ่รัก : สีขาว, สีครีมเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีโลหะ, สีเงิน, สีทองสีต้องห้าม : สีชมพูวันพฤหัสบดีโชคดี : สีแดงเลือดนกการเงิน : สีขาวมุก, สีเหลืองสว่างการงาน : สีฟ้าอ่อน, สีน้ำเงินยีนส์ผู้ใหญ่รัก : สีเขียวใบเตย, สีเขียวอ่อนเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีขาวมุก, สีเหลืองสว่างสีต้องห้าม : สีดำวันศุกร์โชคดี : สีฟ้าอ่อน, สีน้ำเงินยีนส์การเงิน : สีเขียวใบเตย, สีเหลืองนวลการงาน : สีขาวมุก, สีเหลืองสว่างผู้ใหญ่รัก : สีส้มอิฐ, สีเหลืองสว่างเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเขียวใบเตย, สีเหลืองนวลสีต้องห้าม : สีบรอนซ์เงินวันเสาร์โชคดี : สีดำ, สีน้ำเงินเข้มการเงิน : สีแดงเลือดหมู, สีส้มแดงการงาน : สีโลหะ, สีเงิน, สีทองผู้ใหญ่รัก : สีชมพู, สีบานเย็นเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีแดงเลือดหมู, สีส้มแดงสีต้องห้าม : สีเขียวเข้มเอาล่ะค่ะ นอกจากจะใส่เสื้อสีมลคลแล้ว ก็ต้องลงมือทำเพื่อช่วยให้สิ่งที่หวังไว้เป็นจริงด้วยนะคะ!ปีใหม่ หางานใหม่กับแมนพาวเวอร์คลิก > https://bit.ly/3SAsC1y
-
ManpowerGroup has been named one of the World’s Most Ethical Companies for the 13th year!
10 January 2023 แมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่มีจริยธรรมสูงสุดระดับโลกเป็นปีที่ 13 จากสถาบันเอธิสเฟียร์ขอแสดงความยินดีกับพนักงานแมนพาวเวอร์กรุ๊ปที่มุ่งมั่นในการทำงานและปฏิบัติงานอย่างมีจริยธรรมที่ดีเสมอมาWe are proud to share that we have been named one of theWorld’s Most Ethical Companiesfor the 13th year! Congrats to all of our ManpowerGroup employees for their commitment to ethics and helping make this recognition from Ethisphere Institute.
-
เกาะติด 12 เทรนด์การทำงานที่น่าจับตามองในปี 2023!
8 January 2023 เมื่อโลกเปลี่ยน ธุรกิจปรับตัวไปจากเดิมส่งผลให้ “เทรนด์การทำงานใหม่ ๆ ปี 2566” มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางเทคโนโลยี ทุกภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป รวมถึงการรักษา และพัฒนาบุคลากร การผลิตกำลังคนรองรับสายงานใหม่ ๆ และการจ้างงานFinanceonline เว็บไซต์ชื่อดังที่รวบรวมวิจัยเกี่ยวกับธุรกิจได้เผย "12 เทรนด์การทำงานที่น่าจับตามองในปี 2023" ซึ่งวันนี้แมนพาวเวอร์ได้นำมาสรุปให้ทุกคนอ่านกันค่ะ1. Gen Z (ค.ศ. 1997-2010) เริ่มเข้าสู่ระบบการทำงานมากขึ้น ถือเป็นกลุ่มแรงงานยุคใหม่ล่าสุดในปัจจุบันซึ่งคนกลุ่มนี้ค่อนข้างแตกต่างจาก Generation ก่อน ๆ โดยกลุ่ม Gen Z เกิดและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีอินเทอร์เน็ตเป็นศูนย์กลาง นั่นหมายความว่าองค์กรก็จะต้องปรับตัวและทำความเข้าใจกับความต้องการของกลุ่มคน Gen Z ให้มากขึ้น และต้องยอมรับว่าวิธีการทำงานกับกลุ่มคน Millennials, Gen X และ Baby Boomer จะไม่ได้ผลกับ Gen Z อีกต่อไป2. Hybrid working ไม่ได้ลดลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย และควบคุมได้ หลาย ๆ บริษัททยอยเรียกพนักงานกลับเข้าออฟฟิศ แต่หากสำรวจเทรนด์ของโลกทั้งใบจะพบว่า หลายบริษัทพยายามหาจุดลงตัวระหว่างการทำงานที่ออฟฟิศ และการทำงานที่บ้าน เน้นความยืดหยุ่นในการทำงาน (Flexible working แบบ Hybrid) แต่ยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพ ด้วยความเชื่อว่า การพบกันแบบครึ่งทางของวิถีโลกเก่าและโลกใหม่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรได้ดีที่สุด3. พนักงานให้ความสำคัญกับ Flexible workingบริษัทแห่งหนึ่งในนิวซีแลนด์ได้ทดลองให้พนักงานทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 2 เดือน พบว่าทำให้พนักงานมีความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตการทำงานเพิ่มขึ้น 24% ความผูกพันเพิ่มขึ้น 20% และระดับความเครียดลดลง 7% (CNN, 2018) ธุรกิจต่าง ๆ ควรจับตาดูแนวโน้มการทำงาน และสำรวจวิธีที่จะสร้างตารางการทำงาน ความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานมากยิ่งขึ้น4. การจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ในองค์กรเป็นสิ่งจำเป็น (Centralized communication)ในปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับระบบฐานข้อมูลกันมากเนื่องจากช่วยลดความซ้ำซ้อน และรักษาความถูกต้อง ปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงการใช้ข้อมูลร่วมกันในองค์กรจากฐานข้อมูลกลาง5. คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ Work-life balance เป็นอันดับแรกสำหรับคนรุ่นใหม่ เงินเดือนกับเนื้องานไม่ได้เป็นเพียง 2 ปัจจัยหลักในการพิจารณาเลือกงานอีกต่อไป คนหางานหลายคนคำนึงถึงทั้งเรื่องการใช้เวลาหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาออฟฟิศ ความอิสระในการปรับเปลี่ยนชั่วโมงการทำงาน วันหยุด สวัสดิการ และความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน (Work-life balance) เป็นเหตุผลหลักในการสมัครงานด้วย องค์กรเองก็ต้องหันมาให้ความใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานมากขึ้นเพื่อซื้อใจพนักงาน และผลประโยชน์ขององค์กรคุณเอง6. องค์กรหันมาลุงทุนกับสวัสดิการพนักงานมากขึ้นสวัสดิการพนักงาน ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่องค์กรควรให้ความสำคัญมากเป็นอันดับแรก ๆ เพื่อรักษาพนักงานให้ทำงานอยู่กับบริษัทให้นานที่สุด ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องจูงใจให้คนใหม่ ๆ อยากเข้ามาร่วมงานกับองค์กรด้วย สวัสดิการที่ดียังช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพนักงานให้ทำงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นย่อมทำให้องค์กรประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น กลายเป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูงในการแข่งขันทางธุรกิจในที่สุด7. การให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality)ความเท่าเทียมทางเพศ แน่นอนว่าไม่นับเป็น Topic ใหม่ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ เราได้เห็นแคมเปญความหลากหลายทางเพศมากมาย ที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงคุณค่า และความเท่าเทียมกันในทุกเพศโดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างความมั่นใจให้ผู้หญิงสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูง ๆ ในองค์กรได้ ในรายงานของ McKinsey ในปี 2020 พบว่าบริษัทที่มีตัวแทนผู้หญิงอยู่ในอันดับต้น ๆ นั้นมีแนวโน้มที่จะมีชัยเหนือคู่แข่งถึง 50% 8. ธุรกิจที่มีแนวคิดเพื่อสังคม ได้รับความนิยมหมู่มากปัจจุบัน ผู้สมัครงานต้องการบริษัทที่แสดงความปรารถนาอย่างแท้จริงที่จะรักษาคุณค่าและให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม และบริษัทเหล่านี้มักได้เปรียบในเวทีที่มีการแข่งขันสูง VantageCircle พบว่า 55% ของผู้ซื้อเต็มใจที่จะใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการจากบริษัทที่ขึ้นชื่อว่ารับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ 78% ของคนรุ่น Millennials ระบุว่า CSR เป็นเหตุผลหนึ่งในการเข้าร่วมองค์กร9. Gig Economy เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์โลกและโควิด-19 ทำให้เทรนด์การทำงานเปลี่ยนแปลงไป จนทำให้หลาย ๆ คนหันหนีจากงานประจำ และหันมาทำอิสระมากขึ้น จนทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Gig Economy’ ที่น่าสนใจคือการขยายตัวของ Gig Economy อาจทำให้วัฒนธรรมการทำงานเปลี่ยนไปหลังจากนี้ ต่อไปเราอาจได้เห็นการเพิ่มมากขึ้นของสัดส่วนฟรีแลนซ์ในองค์กรต่าง ๆ เพราะระหว่างที่ลูกจ้างตระหนักถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นทางด้านเวลา 10. การอัพสกิลกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องยอมรับว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคนทำงานต้องเจอกับกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวมากมาย ทั้ง Digital Disruption จนมาถึงวิกฤตโควิด-19 ทำให้การมีแค่ ความสามารถในวิชาชีพ หรือ Hard Skills เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ช่วยให้อยู่รอดและเติบโตในอาชีพได้อย่างยั่งยืน สิ่งสำคัญของคนทำงานยุคนี้จึงต้องเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ให้รอบด้านเพื่อเพิ่มความสามารถให้ตัวเองในทุกมิติ ซึ่งรายงานของ Capgemini และ LinkedIn เผยว่า Skill Gap ทำให้องค์กรสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากการขาดแคลนผู้ที่มีความสามารถ ทำให้หลายบริษัทลงทุนอย่างหนักไปกับการอัพสกิลให้กับพนักงานมากขึ้นกว่าที่เคย11. หุ่นยนต์ + มนุษย์ในองค์กรช่วงแรกที่หุ่นยนต์ หรือระบบ AI เข้ามามีบทบาทในที่ทำงานมากขึ้น มีบทความหรือการแสดงความคิดเห็นมากมายที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้กำลังจะเข้ามาแย่งหน้าที่มนุษย์ แต่แท้จริงแล้ววิวัฒนาการของ AI และ Machine learning ทำให้พนักงานสามารถอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์ได้อย่างกลมกลืน จากข้อมูลของ Tractica มนุษย์เองก็เริ่มที่จะคุ้นชินกับการมีอยู่ของเทคโนโลยีเหล่านี้ เพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเรามากขึ้น ผู้ใช้เกือบ 1 พันล้านคนจะต้องพึ่งพาผู้ช่วยเสมือนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายในปี 2568 (Datamation, 2018) นอกจากนี้ 74% ขององค์กรเชื่อว่า AI จะรวมอยู่ในแพลตฟอร์มขององค์กรทั้งหมดภายในปี 256612. Soft Skills คัมภีร์เด็ดที่ผู้นำองค์กรไม่อาจมองข้าม ขีดความรู้ความสามารถของพนักงาน เป็นฟันเฟืองหลักและเส้นทางการชี้วัดชะตาความอยู่รอดขององค์กร "อัพสกิล-รีสกิล" จึงเปรียบเสมือนคัมภีร์เด็ดที่ผู้นำองค์กรไม่อาจมองข้าม หากต้องการก้าวผ่านสถานการณ์เดิม ๆ เพิ่มศักยภาพให้องค์กรสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มที่ในโลกธุรกิจยุคใหม่ลักษณะการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนหลายเจเนอเรชั่นกำลังทำงานร่วมกัน และเทคโนโลยีที่เราใช้ก็พัฒนาวันต่อวัน ดังนั้นการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่งและปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงจึงสำคัญมากต่อการเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่มีการ Disruption ตลอดเวลาในทางกลับกัน ในฐานะนายจ้าง ต้องหันมาให้ความสำคัญการพัฒนาทักษะของพนักงานให้มากขึ้น ระหว่างความสมดุลของชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ความเป็นอยู่ ความเท่าเทียม และเปิดใจรับฟังความต้องการของพนักงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษาพนักงานเดิม และดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน และช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจใดที่ต้องการการดูแลบุคลากรอย่างครบวงจร ติดต่อแมนพาวเวอร์ได้เลยค่ะ
-
5 ข้อถาม-ตอบ ต้องรู้หลังรายงานตัวว่างงานแล้วต้องเตรียมอะไรบ้าง?
3 January 2023 การขึ้นทะเบียนว่างงานและการรายงานตัวว่างงานสำหรับผู้ที่กำลังว่างงาน ถือเป็นสิทธิ์ที่ผู้ประกันตนทุกคนพึงมี โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ว่าจะว่างงานในกรณีลาออกจากงานเอง การถูกเลิกจ้าง หรือหมดสัญญาจ้าง โดยที่ยังไม่มีงานรองรับนั้น จำเป็นที่จะต้องทำการขึ้นทะเบียนว่างงานตามขั้นตอน และเมื่อขึ้นทะเบียนแล้ว อย่าลืม! ว่าจะต้องมีการรายงานตัวด้วย ซึ่งในระหว่างการรอเข้ารับรายงานตัว ผู้ประกันตนหลาย ๆ คน อาจจะยังมีข้อสงสัยว่าหลังรายงานตัวว่างงานจะต้องเตรียมอะไรอีกบ้าง จึงจะผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างสมบูรณ์ และได้รับเงินทดแทนตามสิทธิ์ของตนหากใครที่กำลังเกิดความสงสัยและไม่แน่ใจในกระบวนการหลังการรายงานตัวว่างงาน บทความนี้ได้รวบรวม 5 เรื่องต้องรู้หลังรายงานตัวว่างงาน ที่จะเป็นการตอบข้อสงสัยที่พบบ่อย เพื่อให้ผู้ประกันตนทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็น ป้องกันข้อผิดพลาดต่างๆ และเป็นการรักษาสิทธิ์ เพื่อให้เราได้รับการชดเชยตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้อย่างถูกต้องการลงทะเบียนว่างงานและรายงานตัวว่างงานก่อนจะไปดูว่าหลังการเข้ารายงานตัวว่างงานจะต้องเตรียมอะไร เรามาทบทวนกันคร่าว ๆ ถึงการลงทะเบียนว่างงานและเข้ารายงานตัวว่างงานกันก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ได้ทราบข้อมูลสำคัญในเบื้องต้น และเตรียมตัวในการลงทะเบียนได้อย่างถูกต้องสำหรับผู้มีสิทธิ์ในการขึ้นทะเบียนว่างงาน จะต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือลูกจ้างที่มีการส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเป็นประจำ ต้องอยู่ในกรณีที่เป็น ผู้ลาออกจากงาน ผู้ที่ถูกเลิกจ้าง สิ้นสุดสัญญาจ้างการถูกไล่ออก และต้องขึ้นทะเบียนหางานกับสำนักงานจัดหางานภายใน 30 วัน นับจากวันที่ออกจากงานโดยจะต้องเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบ การขึ้นทะเบียนว่างงานสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การเดินทางไปติดต่อขอขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ หรือสำนักงานจัดหางานประจำจังหวัดตามภูมิลำเนา หรือในพื้นที่ที่สะดวก อีกวิธีคือการขึ้นทะเบียนออนไลน์ ผ่านช่องทางเว็บไซต์ของกรมการจัดหางานhttp://empui.doe.go.th ซึ่งเป็นทางเลือกที่สะดวกมากขึ้น เมื่อทำการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะต้องมีการรายงานตัวว่างงาน โดยสามารถทำได้ตามช่องทางเดียวกับการขึ้นทะเบียน สำหรับรายละเอียดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนว่างงานและรายงานตัวว่างงานออนไลน์สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ 5 เรื่องน่ารู้หลังรายงานตัวว่างงานเมื่อผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนว่างงานแล้ว หลังจากนั้นผู้ประกันตนจะต้องมีการรายงานตัวว่างงานด้วย ซึ่งในระหว่างนี้จะมีกำหนดการให้เข้ารายงานตัว เพื่อตรวจสอบสภาวะการว่างงานและเข้ารับสิทธิ์การชดเชยจากเงินประกันสังคมที่สมทบไว้ตามมาตรา 33 ซึ่งหลังจากรายงานตัวว่างงาน หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยต่าง ๆ อยู่ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาที่จะได้รับเงิน เช็คเงินว่างงานอย่างไร จะต้องรายงานตัวเมื่อไหร่ กี่ครั้ง ข้อสงสัยเหล่านี้เราได้รวบรวมมาหลักๆ 5 เรื่องด้วยกัน ที่จะต้องรู้ว่าหลังรายงานตัวว่างงานจะต้องเตรียมอะไร อย่างไร ดังนี้1. รายงานตัวว่างงานไม่เกินกี่วัน?ตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัตินั้น การรายงานตัวว่างงานจะถูกกำหนดวันนัดหลังจากผู้ประกันตนทำการขึ้นทะเบียนว่างงานแล้ว 1 เดือน เมื่อครบกำหนดวันนัดรายงานตัว ผู้ประกันตนจะต้องเข้ารายงานตัวว่างงานตามช่องทางที่สะดวก โดยจะต้องทำการรายงานตัวไม่เกิน 7 วัน หลังจากวันที่กำหนดนัด2. รายงานตัวว่างงานได้เมื่อไหร่? หากไม่สะดวกวันที่กำหนดต้องทำอย่างไร??ผู้ประกันตนสามารถเข้ารายงานตัวว่างงานได้เมื่อถึงกำหนดวันนัด หลังจากการขึ้นทะเบียนว่างงานแล้ว 1 เดือน โดยจะต้องรายงานตัวตามวันที่กำหนด กรณีที่ผู้ประกันตนไม่สะดวกรายงานตัวในวันที่กำหนด สามารถรายงานตัวว่างงานได้ก่อนกำหนด 7 วัน หรือหลังกำหนดไม่เกิน 7 วันเช่นกัน (นับรวมวันหยุดราชการ)ยกเว้นในกรณีที่เกิดการเจ็บป่วย กรณีญาติเสียชีวิต (เป็นบุคคลที่มีรายชื่อในทะเบียนบ้าน) หรือกรณีไปต่างประเทศ ในระหว่างการนัดรายงานตัว หากไม่สามารถรายงานตัวได้เพราะกรณีเหล่านี้ ผู้ประกันตนจะต้องนำหลักฐานต่างๆ ตามแต่กรณีไปแสดงและแจ้งต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานต่อไปได้ แต่หากไม่ได้เกิดกรณีต่าง ๆ ดังกล่าวและไม่ได้ทำการรายงานตัวว่างงานตามกำหนด หรือก่อนหรือหลังกำหนด 7 วัน ก็จะส่งผลให้ไม่ได้รับเงินทดแทนว่างงานได้ 3. รายงานตัวคนว่างงานได้กี่ครั้ง?สำหรับคำถามนี้ จากข้อมูลหลักเกณฑ์ เราไม่พบว่ามีการกำหนดว่าสามารถรายงานตัวว่างงานได้กี่ครั้ง แต่ว่ามีการกำหนดเป็นจำนวนสิทธิ์รายวันที่จะสามารถเบิกเงินทดแทนประกันสังคมได้แทน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับในแต่ละกรณีการว่างงาน โดยจะส่งผลต่อสิทธิ์การรายงานตัวว่างงานที่แตกต่างกันไปดังนี้กรณีว่างงานจาก การลาออก: จะสามารถรับสิทธิ์ได้สูงสุดที่ 90 วันต่อปีปฏิทิน ซึ่งหากเป็นกรณีที่มีการลาออกและได้งานใหม่ก่อน 90 วัน ผู้รายงานตนจะยังมีวันรับสิทธิ์ที่เหลือลดหลั่นลงไปสำหรับครั้งถัดไปหากเกิดกรณีการลาออกขึ้นอีกในปีนั้น ๆกรณีว่างงานจาก การถูกเลิกจ้าง: ในกรณีนี้กฎหมายได้มีการกำหนดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 สามารถรับสิทธิ์รายงานตัวว่างงานได้สูงสุดรวมกันไม่เกิน 200 วัน ใน 1 ปีปฏิทิน (ต่อการรายงานตัว 1 ครั้ง) ไม่ว่าจะมีการรายงานตัวว่างงานไปแล้วด้วยกรณีใดในครั้งแรก หากต้องการรายงานตัวครั้งถัดมาในกรณีถูกเลิกจ้าง จะมีสิทธิ์รายงานตัวได้ไม่เกิน 200 วัน/ปี แต่หากเป็นการรายงานตัวหลังกรณีลาออกในครั้งแรกและครั้งที่สอง และต้องการรายงานตัวเมื่อถูกเลิกจ้างในครั้งที่สาม สิทธิ์จะเหลือเพียง 90 วันเท่านั้นกรณีว่างงานจาก เหตุสุดวิสัย (จากการติดเชื้อโควิด-19): สำหรับสิทธิ์เพิ่มเติมสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกรณีหากต้องหยุดทำงาน หรือนายจ้างให้พักงานจากการติดเชื้อหรือกักตัวจากเชื้อโควิด-19 ก็จะมีสิทธิ์ได้รับเงินทดแทน 50% ของค่าจ้างรายวัน สูงสุดไม่เกิน 90 วัน 4. หลังรายงานตัวแล้ว กี่วันจะได้รับเงิน?หากเตรียมเอกสารต่างๆ ครบถ้วน ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ หลังจากทำการรายงานตัวว่างงานเรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงินเข้าบัญชีธนาคารที่ได้ให้ข้อมูลไว้ไม่เกิน 7-15 วันทำการ ไม่นับรวมวันหยุดสุดสัปดาห์ 5. เช็คเงินรายงานตัวว่างงานได้ที่ไหนบ้าง?การเช็คเงินหลังการรายงานตัวว่างงาน สามารถทำได้ผ่านทางช่องทางดังนี้เช็คผ่านแอปพลิเคชัน SSO Connect: ทำการเข้าสู่ระบบบนแอปพลิเคชัน SSO Connect ผ่านการกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและรหัสผ่าน เลือกหัวข้อ "การเบิกสิทธิประโยชน์" ระบบจะทำการแจ้งยอดเงินและวันที่อนุมัติสิทธิ์ เมื่อถึงวันที่กำหนดเงินก็จะถูกโอนเข้าบัญชีของผู้ได้รับสิทธิ์เช็คผ่านเว็บไซต์ สำนักงานประกันสังคมwww.sso.go.th: ทำการเข้าสู่ระบบ โดยกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและกรอกรหัสผ่าน ต่อมาเลือกหัวข้อ "ตรวจสอบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย" จากนั้นระบบจะแจ้งยอดเงินและวันที่อนุมัติสิทธิ์ให้ทราบเช็คผ่านสายด่วนสำนักงานประกันสังคม 1506: สามารถโทรสอบถามได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อการตรวจเช็คเงินว่างงานหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ต้องได้รับทั้งในกรณีว่างงาน และในกรณีอื่น ที่มีสิทธิ์ตามเงื่อนไขหรือข้อกำหนดนี่คือข้อควรรู้หลังรายงานตัวว่างงานทั้ง 5 ข้อที่เราได้รวบรวมข้อมูลและนำมาตอบข้อสงสัยกัน เพื่อให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ได้เตรียมความพร้อม และรักษาสิทธิ์ตามข้อกำหนดได้อย่างถูกต้อง โดยไม่มีข้อผิดพลาด และหากผู้ว่างงานคนไหนต้องการหางานใหม่ที่ใช่ ทางManpowerGroup Thailand พร้อมให้คำปรึกษา และช่วยหางานที่ใช่สำหรับคุณได้ เพราะเราคือบริษัทจัดหาคนงานชั้นนำ เพื่อหาคนทำงาน ให้ได้งานที่ตอบโจทย์ที่สุดManpower เก่งหาคน ถนัดหางาน “We Love our Jobs”บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร เพราะเราเชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำของเรากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันติดต่อเราLINE OA: @manpowergroup_thCall Center: 02-171-2345E-mail: recruitmentthailand@manpower.co.thWebsite:www.manpowerthailand.com
-
ความต้องการแรงงานไอทีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเจาะลึกสายอาชีพเติบโตสูงสวนกระแสแม้ในสถานการณ์โควิด-19
27 December 2022 เอ็กซ์พีริส บริษัทในเครือแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดผลสำรวจถึงแนวโน้มตลาดงานด้านไอทีที่มีความต้องการสูงรองรับยุคดิจิทัล ชูปัจจัยการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของเทคโนโลยี เร่งภาคธุรกิจขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติพร้อมเปิดค่าตอบแทนสายงานไอทีเริ่มต้น 15,000 จนถึง 650,000 ต่อเดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและประสบการณ์ แนะหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมมือพัฒนาแรงงานตรงความต้องการภาคธุรกิจหวังลดปัญหาขาดแคลนแรงงานTech Talentในระดับประเทศมร.ไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาคประจำประเทศไทย,แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคอุตสาหกรรม,ธุรกิจต่างๆ รวมทั้งแรงงานต้องปรับตัวให้พร้อมรับมือบุคลากรสายงานไอทีนับเป็นกลุ่มงานที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูงและยังมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีด้วย จากการคาดการณ์ในอีก 5 ถึง 10ปีข้างหน้าจะเห็นว่าทิศทางความต้องการในสายงานไอทียังคงเติบโตเป็นแบบขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับจำนวนบุคลากรไอทีในตลาดงานที่ไม่เพียงพอและอยู่ในภาวะขาดแคลน โดยมี4ปัจจัยหลักเป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่ ปัจจัยแรก การเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ อาทิเช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)Robotic Process Automation (RPA)บิ๊กดาต้า (Big Data)คลาวด์ (Cloud)อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things-IoT) ฟินเทค (Fintech) เป็นต้น ซึ่งเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเชิงธุรกิจทำให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีของหลาย ๆ องค์กรเติบโตไปด้วย ดังนั้นจึงทำให้มีความต้องการบุคลากรไอทีจำนวนมากเข้ามาช่วยในส่วนนี้ปัจจัยที่สอง ในทุกภาคส่วนของธุรกิจมีการเร่งทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล ซึ่งกลุ่มที่เห็นได้ชัดก็คือ กลุ่มธนาคารและการเงินซึ่งปัจจุบันการใช้งานและธุรกรรมต่าง ๆ ทางการเงินทำได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือรวมทั้งกลุ่มการประกันภัย การสื่อสาร ธุรกิจค้าปลีก และยังตามมาด้วยกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน , กลุ่มทรัพยากรบุคคล , ภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น ปัจจัยที่สาม มาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ,โลจิสติกส์ และธุรกิจเดลิเวอรี่ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตามไปด้วยอย่า งมีนัยสำคัญ ปัจจัยสุดท้าย ก็คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด (COVID-19) เป็นอัตราเร่งให้ทุกองค์กรมีการปรับวิถีชีวิตและการทำงานสู่รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า วิถีชีวิตใหม่(New Normal) ทำให้รูปแบบการทำงานขององค์กรเปลี่ยนไปเป็นการทำงานแบบรีโมท (Remote Work) และทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น“สำหรับคนที่ทำงานด้านไอที รูปแบบการทำงานแบบรีโมท (Remote Work) หรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายๆ แห่ง นำรูปแบบการทำงานนี้มาใช้ซึ่งช่วยความยืดหยุ่นในการทำงานของคนทำงานไอที ปัจจุบัน ทำให้หลายๆ องค์กรมีการปรับรูปแบบการทำงานและกลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีมากขึ้น จึงทำให้เกิดความต้องการทางด้านบุคลากรไอทีเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย”อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ถึงดีมานด์ (Demand) การเติบโตของแรงงานไอทีในตลาด พบว่าในบางช่วงมีการชะลอตัวลงเช่นกัน โดยปีที่ผ่านมาในช่วงไตรมาส 2 หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเพิ่มมากขึ้นเป็นวงกว้างในหลายประเทศทำให้เกิดการล็อคดาวน์ กลุ่มองค์กรมีการปรับแผนและชะลอการจ้างตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งมีเหตุผลมาจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ หรือยังไม่มั่นใจในสถานการณ์เบื้องหน้า แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 และ 4เริ่มมีการกลับมาของความต้องการบุคลากรด้านไอทีที่มากขึ้นและรวดเร็วอย่างต่อเนื่องทางด้านมุมของซัพพลาย (Supply) ในประเทศไทยและทั่วโลกยังคงประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรไอที จากข้อมูลผลสำรวจการเติบโตของตลาดไอทีทั่วโลกของไอดีซีพบว่า ในระยะเวลา 5 ปีตั้งแต่ปี 2561 – 2565 ตลาดไอทีมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 25.8% ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ภายในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 61% ของจีดีพี ส่งผลให้อัตราการจ้างงานด้านไอทีเติบโตควบคู่ไปด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2566 ทั่วโลกจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรไอทีมากกว่า 2 ล้านตำแหน่งสำหรับประเทศไทย ปัจจัยหลักๆ ที่ ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลน ประกอบด้วย1. กลุ่มคนรุ่นใหม่เลือกที่จะประกอบอาชีพอิสระบางคนอาจมองข้ามหลักสูตรที่ใช้ไอที เนื่องจากพวกเขาพบว่าวิชาที่ใช้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์นั้นยากและมีการแข่งขันสูง2. มหาวิทยาลัยจำนวนมากเปิดสอนสาขาไอทีโดยเน้นที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ ซึ่งข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ประเทศไทยมีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในสาขาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จำนวน 5.7 แสนคนต่อปี แต่ทำงานตรงสายงานแค่เพียง 15% เท่านั้น และในแต่ละปีประเทศไทยสามารถผลิตบัณทิตด้านไอทีที่มีคุณสมบัติเพียงพอกับความต้องการของภาคธุรกิจได้ไม่เกิน 5,000 คน และ3. บุคลากรไอทีที่มีคุณภาพจะเน้นเลือกทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ และบริษัทข้ามชาติหรือบางส่วนก็ได้โอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนออกไปตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางด้านไอทีของตัวเอง และบางส่วนมีการเปลี่ยนแปลงผันสายงานตัวเองจากไอทีไปทำในสายงานอื่นๆ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าจาก3ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแรงงานด้านไอทีกำลังขาดแคลนอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผนึกความร่วมมือกับภาคธุรกิจเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังทางด้านผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยเปิดเผยต่อว่า สำหรับแนวโน้มด้านค่าตอบแทนในกลุ่มสายงานไอที มีแนวโน้มที่ปรับสูงขึ้นในทุกปี ตรงนี้เป็นผลมาจากแรงงานในสายงานไอทีที่ตลาดต้องการมีการแข่งขันกันสูง องค์กรต่าง ๆ มีความต้องการบุคลากรไอทีที่มีคุณภาพเพื่อเข้ามาช่วยขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงธุรกิจในยุคดิจิทัล รวมทั้งบุคลากรในสายงานนี้อยู่ในสภาวะขาดแคลนในตลาดแรงงาน แต่ละองค์กรจึงมีการแข่งขันในการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดและเก็บรักษาบุคลากรเหล่านี้สะท้อนให้เห็นจากโครงสร้างเงินเดือนของบุคลากรในสายงานไอทีเริ่มตั้งแต่ระดับบัณฑิตจบใหม่ ไปจนถึงระดับผู้บริหาร โดยเริ่มตั้งแต่ต้นที่ 15,000 ไปจนถึง 650,000 ต่อเดือน ทั้งนี้อยู่กับคุณสมบัติและประสบการณ์ ทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะด้านภาษาค่าเฉลี่ยค่าจ้างแบบรายเดือนที่เป็นพนักงานประจำแบ่งเป็น ดังนี้• อายุงาน 0-2 ปี เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 15,000 – 35,000 / เดือน• อายุงาน 3-5 ปี เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 38,000– 46,500 / เดือน• อายุงาน 6-8 ปี เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 50,000 – 75,000 / เดือน• อายุงาน 9-10 ปี เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 82,000 – 105,000 / เดือน• อายุงานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 118,000 – 250,000 / เดือน• อายุงานมากกว่า 20 ปีขึ้นไป เงินเดือนเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 280,000 – 650,000 / เดือนนอกจากนี้ ทางเอ็กซ์พีริสยังมีการสรรหาบุคลากรในสายงานไอที โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มบริการ ได้แก่การบริการสรรหาพนักงานประจำด้านไอที (IT Permanent Service) รองรับตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ จนถึงผู้บริหารระดับสูง เพื่อรองรับการขับเคลื่อนดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นให้กับลูกค้าทั้งภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม ส่วนกลุ่มที่สอง คือการบริการสรรหาบุคลากรทางด้านไอทีที่เป็นพนักงานสัญญาจ้าง ระยะสั้น ไปจนถึงระยะยาว (IT Staffing Service) รองรับตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ จนถึง ผู้บริหารระดับสูง ให้กับบริษัทลูกค้าที่ไม่ต้องการจ้างพนักงานให้เป็นพนักงานประจำของบริษัทลูกค้าโดยตรง อีกทั้ง ยังให้บริการทางด้าน IT outsourcing ที่เน้นการให้บริการตามความต้องการเฉพาะเจาะจงของลูกค้าล่าสุด ได้ทำการจัดอันดับ 5 ความต้องการแรงงานสูงสุดและเงินเดือนในแต่ละกลุ่มงานแบ่งเป็น IT Permanent ได้แก่ 1. AI and Data อาทิเช่น AI Specialists, Data Scientists, Data Engineer, Big Data Developer, Data Analyst ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 – 195,000 บาท / เดือน เดือน2. Engineering and Cloud เช่น Reliability Engineer, DevOps, Cloud Computing, Cloud Architect, Cloud Solutions Consultant, Python Developer ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 – 155,000 บาท / เดือน3.Software & Application Developers เช่น Software Engineer, Application Engineer / Developer, Frontend / Backend / Full Stack Engineer / Developer, Mobile Application Developer, Programmerระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 33,500 – 110,000 บาท / เดือน 4. Product Development เช่น Product Owner, Quality Assurance Tester/Engineer, Agile Coach, Software Quality Assurance Engineer, Product Analyst, Scrum Master ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 42,000 – 145,000 บาท / เดือน5.Sales, Marketing and Content เช่น Social Media Assistant / Content Production, Growth Hacker, Customer Success, Sales Development Representative, Specialist Digital Marketing Specialist ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 28,000 – 108,000 บาท / เดือนส่วนทางด้าน IT Staffing มีดังนี้ 1. Software/ Application / Mobile Developers เช่น Software Engineer, Application Engineer / Developer, Frontend / Backend / Full Stack Engineer / Developer, Mobile Application Developer, Programmer ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000 – 150,000 บาท / เดือน2. SAP Consultant ใน Module ต่างๆ อาทิเช่น SAP FI/CO, SD, MM เป็นต้น ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 – 260,000 บาท / เดือน3. Project Management /Project Admin / Project Manager / Project Coordinator ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 25,000 – 200,000 บาท / เดือน4. Helpdesk / IT Support Engineerระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 – 100,000 บาท / เดือน5. Software Tester / QA ระดับเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 – 90,000 บาท / เดือนอย่างไรก็ตาม การแข่งขันในสายงานไอทีในยุคนี้นับว่าต้องเร่งสปีดตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ภาพของไอทีกำลังเปลี่ยนถ่ายจากยุคฮาร์ดแวร์ไปสู่การเป็นบริการมากขึ้น ดังนั้น บุคลากรสายงานไอทีต้องมีการเรียนรู้อยู่ตลอดทั้งการรีสกิล (Reskill) และ อัพสกิล (Upskill) ในกลุ่มเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น AI, Big Data, Cloud, IoT, Cyber Security, Blockchain, Fintech อย่างต่อเนื่องตามด้วยทักษะการทำงานร่วมกัน, การสื่อสาร และความเข้าใจเชิงธุรกิจ และทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทักษะความสามารถเฉพาะทางที่สำคัญเหล่านี้นับเป็นการสร้างความได้เปรียบ รวมไปถึงเป็นการเพิ่มโอกาสเข้าทำงานในบริษัทหรือองค์กรชั้นนำอีกด้วย“ด้วยความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่กำลังมีบทบาทในเชิงธุรกิจและชีวิตประจำวัน ฝ่ายไอทีจะต้องเน้นการมีส่วนร่วมเป็นบิสซิเนส พาร์ทเนอร์ (Business Partner) กับฝั่งธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลนี้ แรงงานด้านไอทีนับเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจและเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการทางตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจ สำหรับบุคลากรไอทีที่ประสบความสำเร็จและเติบโตในสายงานนั้น ทางเอ็กซ์พีริส พบว่า แรงงานกลุ่มนี้นี้มีการสร้างเครือข่าย Tech Connection ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรม อาทิTech Event และคอมมูนิตี้ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ทางสายอาชีพกับคนไอทีในแวดวงเดียวกัน รวมไปถึงต้องปรับ “ทัศนคติ” ให้เข้าใจบทบาทการทำงานเชิงผสมผสานระหว่างไอทีและธุรกิจในยุคดิจิทัลมีการศึกษาและพัฒนาทักษะความรู้ในกลุ่มเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีการอัพสกิล (Upskill) และรีสกิล (Reskill) องค์ความรู้เพื่อเพิ่มพูนทักษะปูทางสู่ความสำเร็จในอาชีพ ซึ่งหนทางสู่การเป็น Tech Talent สำหรับแรงงานไอทียุคใหม่ต้องรู้ครบเครื่อง ประกอบไปด้วย 5C ดังนี้ 1. Customers Focus มีความสามารถที่จะเข้าใจความต้องการและโจทย์ทางธุรกิจ พร้อมตอบสนองบริการและโซลูชั่นทางเทคโนโลยีได้อย่างแม่นยำ 2. Communication การทำงานในยุคนี้บุคลากรไอทีต้องทำงานเป็นคู่คิดให้กับทีมงานธุรกิจ รวมไปถึงลูกค้า และพันธมิตรต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทักษะการสื่อสารจึงเป็นหัวใจสำคัญเพราะต้องใช้สร้างความเข้าใจร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อให้เข้าใจความต้องการและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ 3. Collaboration การทำงานร่วมกันเป็นทีม ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากสำหรับบุคลากรไอทีในยุคนี้ ตั้งแต่งานพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการให้บริการทางไอทีนั้น ย่อมต้องมีการระดมความคิดเห็น ความร่วมมือร่วมใจ การช่วยกันแก้ไขปัญหาและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการ 4. Creativityความคิดสร้างสรรค์ ถือเป็นทักษะที่บุคลากรไอทีควรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไอทีกำลังแข่งขันสูงด้วยนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และบริการ 5. Commitment เทคโนโลยีในยุคนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมากและองค์กรต่างมีการเร่งทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น เพื่อพัฒนากระบวนการทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ / บริการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับสายงานไอทีก็เป็นอีกหนึ่งสายงานที่ต้องฝึกฝน พัฒนาทักษะ และหาความรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ ความมุ่งมั่นตั้งใจและการรับผิดชอบต่อบทบาทตัวเองจะเป็นกุญแจอีกตัวที่สำคัญที่นำพาให้ทำงานได้อย่างประสบผลสำเร็จต่อไป” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวทิ้งท้าย
-
'งานขาย การตลาด' งานมาแรง อันดับ 1 ตลาดแรงงานต้องการ ชี้ปีแห่งการฟื้นฟู
27 December 2022 บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกงานขาย การตลาด แชมป์สายงานที่ทั้งแรงงาน และตลาดต้องการสูงสุดปี 2564 แมนพาวเวอร์ ชี้ปีนี้ปีแห่งการฟื้นตัวครั้งสำคัญของภาคอุตสาหกรรมแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำที่ปรึกษาด้านแรงงาน เปิดเผยว่า จากผลสำรวจจากกลุ่มลูกค้าของแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย พบว่า สายงานขาย การตลาด เป็นสายงานที่ ทั้งตลาดงาน และตลาดแรงงาน มีความต้องการเป็นอันดับ 1 สะท้อนให้เห็นถึงความสอดคล้องกัน ในสัดส่วนความต้องการของตลาดกับแรงงาน10 อันดับ สายงานที่ตลาดงานต้องการ มีดังนี้อันดับ 1 สายงานขายและการตลาด 23.10 %อันดับ 2 สายงานบัญชีและการเงิน 9.58 %อันดับ 3 สายงานขนส่งและงานโลจิสติกส์ 9.50 %อันดับ 4 สายงานวิศวกร 8.52 %อันดับ 5 สายงานไอที 7.78 %อันดับ 6 งานระยะสั้นต่างๆ 6.96 %อันดับ 7 สายงานธุรการ 6.80 %อันดับ 8 สายงานบริการลูกค้า 5.32 %อันดับ 9 สายงานการผลิต 5.24 %อันดับ 10 สายงานบริการทางการแพทย์และสุขภาพ 3.28 %10 อันดับ สายงาน ที่ตลาดแรงงานต้องการ ดังนี้อันดับ 1 สายงานขายและการตลาด 29.70 %อันดับ 2 สายงานวิศวกร 15.23 %อันดับ 3 สายงานบริการลูกค้า 13.43 %อันดับ 4 สายงานธุรการ 7.40 %อันดับ 5 สายงานทรัพยากรบุคคล 7.37 %อันดับ 6 สายงานไอที 5.9 %อันดับ 7 สายงานบัญชีและการเงิน 5.66 %อันดับ 8 สายงานขนส่งและงานโลจิสติกส์ 5.51 %อันดับ 9 งานระดับผู้บริหาร 3.51 %อันดับ 10 สายงานการผลิต 2.28 %ทั้งนี้ ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่า สายงานขนส่งและโลจิสติกส์ มีอัตราการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ 4.83% ตามทิศทางธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ค้าขายออนไลน์ และธุรกิจเดลิเวอรี่ ขณะที่ งานขายและการตลาดขึ้นอันดับ 1 มา 5 ปีต่อเนื่องกัน สะท้อนให้เห็นว่า ความต้องการเติบโตทางธุรกิจ ให้ความสำคัญกับบุคลากรที่เป็นตัวกลาง ในการนำเสนอสินค้าและบริการ โดยเฉพาะสินค้าความงาม และสินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ส่วนการตลาด จะเป็นการเข้ามาวางกลยุทธ์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ สู่การนำเสนอการสื่อสารเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ หรือบริการโปรโมชั่น และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างถูกต้องสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยถึง กลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สูงสุด 5 อันดับ ประกอบด้วย1. ธุรกิจท่องเที่ยว รายได้ลดลง 73 %2. ธุรกิจบันเทิง รายได้ลดลด 59 %3. ธุรกิจรับจ้าง บริการ รายได้ลดลง 44 %4. ธุรกิจการผลิต รายได้ลดลง 42 %5. ธุรกิจอาหาร รายได้ลดลง 41 %ข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับแนวโน้มที่ภาคแรงงานต้องเตรียมพร้อม รับการเปลี่ยนแปลงที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า วิกฤติที่เกิดขึ้น ทั้งจากโควิด-19 และเศรษฐกิจ จะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน และธุรกิจต่าง ๆ จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้ อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับสิ่งสำคัญ ของการเปลี่ยนแปลงในตลาดงาน และแรงงานในปีนี้ ต่อไปจนถึงอนาคต การทำงานของแรงงาน จะต้องตอบโจทย์ตลาดงาน มีทักษะที่มีความหลากหลาย พร้อมกับการพัฒนาตนเอง ด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น บนพื้นฐานของความสมดุล ในชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวดังนั้น หากทุกคนมีการเตรียมตัว และตั้งรับที่ดี โดยเฉพาะภาคแรงงาน แมนพาวเวอร์กรุ๊ป เชื่อมั่นว่า ประเทศไทย จะเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และพัฒนา เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมไทยต่อไป แม้ในยามวิกฤตที่เกิดขึ้น"หากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและแรงงานเรียนรู้การเปลี่ยนแปลง ปรับตัว ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ เราจะสามารถค้นพบ ทางเลือกสู่ทางรอดแรงงานไทยปี 64 เท่าทันยุคเปลี่ยนผ่านที่รวดเร็วได้ต่อไป นางสาวสุธิดา กล่าวด้านนายไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาค ประเทศไทย แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจในทุกอุตสาหกรรม เพราะมีความเชื่อมโยงกัน รวมถึงตลาดแรงงาน ที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทั้งวิถีการดำเนินชีวิต และการปฏิบัติงาน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยอย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนของภาครัฐ ในเชิงนโยบาย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว ที่นับว่าได้รับผลกระทบอย่างหนัก รวมถึงด้านการลงทุน และการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนที่เข้ามาช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจรายย่อย เพื่อขับเคลื่อนกลไกเศรษฐกิจในประเทศ ทางด้านการลงทุนจากต่างประเทศแม้ลดลงแต่ยังได้รับการลงทุนอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ยังเป็นช่วงการทรานส์ฟอร์มครั้งสำคัญ ของภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรูปแบบการทำงาน ภายใต้วิถีชีวิตแบบ New Normal ดังนั้น ส่งผลให้ปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งการ Recovery สู่การ Renew ในปี 2564 ที่ต้องจับตาการฟื้นตัวสู่การฟื้นฟูครั้งสำคัญ ที่ทุกภาคส่วนต้องบูรณาการร่วมกันผลสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสตั้งแต่ต้นปี 2563 อีกทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรและออกแบบกระบวนการทำงานใหม่ ยังส่งผลให้รูปแบบการจ้างงาน มีความยืดหยุ่น จากการจ้างงานแบบประจำ มาเป็นรูปแบบการจ้างงานระยะสั้น ประเภทต่าง ๆ ทั้งการจ้างงานชั่วคราว การจ้างงานแบบสัญญาจ้าง และการจ้างงานในรูปแบบเอาท์ซอร์ส จะเป็นที่นิยมแพร่หลาย ตอบโจทย์การขาดแคลนกำลังคนได้ตามความต้องการพร้อมกันนี้ จะได้เห็นแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี ปรับสู่ระบบอัตโนมัติและดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นบางส่วน จนถึงทั้งกระบวนการทำงาน อาทิ พนักงานขายหน้าร้าน พนักงานบริการลูกค้า งานธุรการ พนักงานขนส่ง พนักงานฝ่ายการผลิต ส่งผลให้เกิดการเพิ่มทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ที่แรงงานต้องเตรียมพร้อม ให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลเราพบการมีพนักงานที่หลากหลายและมีกลุ่มคนทำงานหลายช่วงอายุในองค์กร (Multi-Generational Pool of Workers) ซึ่งปัจจุบัน แต่ละเจนเนอเรชั่นมีสัดส่วนที่เป็นกำลังแรงงานที่มีอายุระหว่าง 15-60 ปีในส่วนของ Gen X กับ Y มีมากสุด และในกลุ่ม Gen Z จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นตามการเริ่มต้นเข้ามาในตลาด ซึ่งคนแต่ละรุ่นมีวิธีคิดและการทำงานที่แตกต่างกันไปตามประสบการณ์และเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพนักงานที่จะต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันและประสบความสำเร็จด้วยกันต่อไปที่มา : The Bangkok Insight
-
เผยแนวโน้ม ‘การจ่ายโบนัส’ ปี 2019 และ ‘ขึ้นเงินเดือน’ ปี 2020 องค์กรไหนจ่ายงาม!! องค์กรไหนรัดเข็มขัด!!
27 December 2022 บริษัท แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ผู้นำระดับโลกด้านการจัดหาบุคลากรและที่ปรึกษาด้านแรงงาน นำเสนอบริการสิ่งต่างๆ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสำเร็จในโลกของการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ปัจจุบันแมนพาวเวอร์กรุ๊ปมีจำนวน 80 ประเทศทั่วโลกหนึ่งในเรื่องน่าลุ้นสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ในเดือนแรกของปีศักราชใหม่คงหนีไม่พ้นเรื่อง ‘โบนัส’ และ ‘การขึ้นเงินเดือน’ ซึ่งแนวโน้มในปีนี้เป็นอย่างไร เรามีผลสำรวจมาฝาก แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ได้เปิดผลสำรวจการจ่ายโบนัสประจำปี 2019 และการขึ้นเงินเดือนปี 2020 โดยทำการสำรวจจากกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีพนักงานตั้งแต่ 250 คนขึ้นไป , องค์กรขนาดกลางที่มีพนักงานตั้งแต่ 50 - 250 คน และองค์กรขนาดเล็กที่มีพนักงานต่ำกว่า 50 คน รวมทั้งหมด 1,000 รายจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจให้บริการ (ที่ปรึกษา) ธุรกิจด้านการผลิต และธุรกิจการจัดจำหน่าย พบว่าแนวโน้มการปรับขึ้นเงินเดือนขององค์กรธุรกิจทุกกลุ่มธุรกิจอยู่ที่อัตราเฉลี่ย 3-5 % โดย กลุ่มองค์กรขนาดใหญ่มีอัตราส่วนนี้ถึง 45 % จากทั้งหมด รองลงมา มีการปรับเงินเดือนขึ้น 5-7 % คิดเป็นสัดส่วน 33 % ซึ่งมีปัจจัยมาจากความต้องการสร้างความมั่นคงและดูแลรักษากำลังคนขององค์กรสตาร์ทอัพปรับเงินเดือนสูงสุดส่วนองค์กรขนาดกลางมีแนวโน้มจากผลสำรวจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ขณะที่องค์กรขนาดเล็กแม้จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนอยู่ที่ 3-5% นั้น มีมากเกินกว่าครึ่ง แต่ความน่าสนใจ ก็คือ องค์กรขนาดเล็กมีการปรับขึ้นเงินเดือน 10% ขึ้นไปสูงถึง 6% มากกว่าองค์กรขนาดใหญ่และขนาดกลาง โดยระบุว่าองค์กรกลุ่มนี้จะเป็น ‘สตาร์ทอัพใหม่’ ซึ่งอาจจะต้องสร้างแรงจูงใจและดึงดูดพนักงาน พร้อมทั้งการรักษากำลังแรงงานให้ทำงานกับองค์กรด้วยการปรับขึ้นเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับด้านไอทีโซลูชั่นต่าง ๆ และที่ปรึกษาด้านไอทีหากแบ่งตามกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจให้บริการ (Service Provider) ธุรกิจด้านการผลิต และธุรกิจการจัดจำหน่าย พบว่า– กลุ่มธุรกิจให้บริการ มีอัตราส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนอยู่ที่ 3-5 % มีสัดส่วน 47 % และอัตราส่วนปรับขึ้นเงินเดือนมากกว่า 5-7 % มีสัดส่วน 34 %– กลุ่มธุรกิจด้านการผลิตมีการปรับขึ้นเงินเดือน 3-5 % คิดเป็น 50 % ของกลุ่มธุรกิจนี้ แต่ที่ปรับเพิ่มมากกว่า 10 % ขึ้นไปมีสัดส่วน 2%– กลุ่มด้านธุรกิจการจัดจำหน่าย มีการปรับขึ้นเงินเดือนอยู่ที่ 3-5 % มีสัดส่วนถึง 52 % และปรับขึ้นเงินเดือน 5 -7 % มีสัดส่วน 34 %ปี 2019 เฉลี่ยจ่ายโบนัส 1-2 เดือนสำหรับผลสำรวจเรื่องการจ่ายโบนัสประจำปี 2019 ระบุว่า มีแนวโน้มการจ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 เดือนมีสัดส่วนมากที่สุดทุกกลุ่มองค์กร โดยการจ่ายโบนัส 1 เดือนมีอัตราสูงสุดอยู่ที่ 42 % รองลงมา 2 เดือน อยู่ที่ 34 % และ 3-5 เดือนอยู่ที่ 13 % ตามลำดับนอกจากนี้ องค์กรขนาดใหญ่ที่มีการจ่ายโบนัสสูงถึง 5 เดือนขึ้นไป จะเป็นกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมรถยนต์และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตเมื่อทำการสำรวจแบบเจาะไปที่กลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจให้บริการ แนวโน้มการจ่ายโบนัสเฉลี่ย 1เดือนและ 2 เดือนมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 41% กับ 40% , ธุรกิจด้านการผลิตมีการจ่ายโบนัส 1 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 30% และมีการจ่ายโบนัส 2 เดือน สัดส่วน 39% และมีการจ่ายโบนัส 3-5 เดือนคิดเป็นสัดส่วน 19% ของกลุ่มธุรกิจนี้กลุ่มธุรกิจการจัดจำหน่ายอัตราส่วนการจ่ายโบนัส 1 เดือน มีสัดส่วน 46% และจ่ายโบนัส 2 เดือน มีสัดส่วน 37% ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนการจ่ายโบนัสประจำปีขององค์กรต่างๆ จะอิงตามผลประกอบการรวมขององค์กรเป็นหลักสรุปภาพรวมผลการสำรวจการปรับเงินเดือนปี 2020 และจ่ายโบนัสประจำปี 2019 ยังมีแนวโน้มและสัดส่วนไม่แตกต่างจาก 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยและผลพวงมาจากความผันผวนทางเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้หลายองค์กรมีการปรับตัวและพยุงตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศและเศรษฐกิจโลกอย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า ‘กลุ่มแรงงาน’ ยังคงมองเรื่องความมั่นคงและศักยภาพขององค์กรตลอดมา ซึ่งแมนพาวเวอร์กรุ๊ปเชื่อมั่นว่า การพัฒนาศักยภาพและทักษะความสามารถของตนเองอยู่เสมอตลอดเวลา โดยเฉพาะทักษะรอบด้านและทักษะด้านเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมให้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงในตลาดงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปที่มา : Marketingoops
-
Manpower Talent Academy เปิดรับสมัคร Manpower Trainee ไฟแรง
15 December 2022 ครั้งแรกในประเทศไทย!!! Manpower Talent Academy เปิดรับสมัคร Manpower Trainee เพื่อเรียนรู้การจัดหาคน และการสัมภาษณ์ ถ่ายทอดวิชาโดยผู้เชี่ยวชาญจากทุก Business Unit ของ ManpowerGroup หนึ่งในลิสต์ของ Fortune 500 companies ที่เปิดให้บริการมากว่า 70 ปี และได้ถูกจัดอันดับว่าเป็นบริษัทที่มีจรรยาบรรณมากที่สุดในโลก 13 ปีซ้อน โอกาสสำคัญในการได้รับคัดเลือกเข้าทำงานกับ ManpowerGroup บริษัทชื่อดังระดับโลก ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการอบรมจาก Recruiter มากประสบการณ์ของแมนพาวเวอร์โดยตรง และระหว่างที่อบรม ยังมีค่าตอบแทนให้ด้วย นอกจากนี้ เมื่อผ่านการเทรนแล้ว จะได้รับบรรจุเป็นพนักงานประจำทันที!คุณสมบัติผู้สมัคร :จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขา ศิลปศาสตร์, จิตวิทยา, ท่องเที่ยวและการโรงแรม, ภาษาอังกฤษ, บริหารธุรกิจ และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง (ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่)มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ (TOEIC ขั้นต่ำ 600)มีแรงจูงใจในการทำงาน มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ และสามารถปรับตัวได้ดี รวมถึงมีจรรยาบรรณในการทำงานที่ดีพลาดไม่ได้! โอกาสสำคัญในการได้รับคัดเลือกเข้าทำงานกับ ManpowerGroup บริษัทชื่อดังระดับโลก สมัครฟรี เทรนนิ่งฟรี ได้รับค่าตอบแทนจริง คอมมิชชั่นจริง!งานนี้รับจำนวนจำกัดนะคะ ลงทะเบียนสมัครได้ที่ > http://bit.ly/3WpzbWw ตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2566แมนพาวเวอร์กรุ๊ป บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร เพราะเราเชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำของเรากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันติดต่อเรา LINE OA : @manpowergroup_thCall Center : 02-171-2345E-mail : recruitmentthailand@manpower.co.thWebsite : www.manpowerthailand.com
-
Recruiter – อาชีพ Matchmaker คนกับงาน
13 December 2022 หลายคนคงได้ยินเกี่ยวกับอาชีพ recruiter บ่อย ๆ แต่อาจมีน้อยคนที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วอาชีพนี้ทำอะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจและบุคลากรในองค์กร Manpower บริษัทจัดหางานระดับโลก ที่รวบรวม recruiter มือฉมังไว้มากมาย จะมาไขคำตอบให้ทุกท่านในองค์กร สิ่งที่ขับเคลื่อนองค์กรให้เดินไปข้างหน้าก็คือ "คน" ที่เปรียบเสมือนฟันเฟือง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเฟืองตัวนั้นจะใหญ่หรือจะเล็ก ทุกความสำเร็จขององค์กร ไม่ว่าจะเล็ก ใหญ่แค่ไหนส่วนหนึ่งมาจาก "คุณภาพ" ของคน ยิ่งเฟืองตัวใหญ่ก็ยิ่งหายากRecruit แปลตรงตัวว่าการ “จ้างคนใหม่” ดังนั้น อาชีพ Recruiter จึงหมายถึงผู้ที่มีหน้าที่ “สรรหาพนักงาน” นั่นเอง แต่การเฟ้นหาบุคลากรที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน และตอบโจทย์ของบริษัทลูกค้า ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนงานของ Recruiter ครอบคลุมทั้งการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานที่เปิดอยู่เพื่อหาผู้สมัครให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัท และ การหางานที่เหมาะสมให้คนที่กำลังหางาน เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจลักษณะธุรกิจของลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างกัน แตกย่อยลงไปที่ตำแหน่งงานแต่ละประเภทที่มีรายละเอียดเนื้องานไม่เหมือนกัน ซึ่ง Requirement ของงานแต่ละสาย ก็จะเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติจำเพาะของผู้สมัคร ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติด้านทักษะ ระดับการศึกษา เพศ อายุ หรือ อื่น ๆ โดย Recruiter ต้องทำความเข้าใจให้ครบถ้วนเพื่อการประหยัดเวลาและช่วยลูกค้าคัดกรองคนขณะเดียวกัน การหางานที่เหมาะสมให้กับคนที่กำลังหางานก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เพราะต้องพิจารณาว่าผู้สมัครจะเหมาะสมกับงานแบบใด จับคู่คนหางานกับตำแหน่งงานที่เปิดรับอยู่ โดยต้องคำนึงถึงทั้งคุณสมบัติ ระดับเงินเดือน เนื้อหางาน รวมถึงความเหมาะสมด้านอื่น ๆดังนั้น การจะเป็น Recruiter ที่ดีได้ ขึ้นกับการสั่งสมประสบการณ์และชั่วโมงบิน เพื่อฝึกฝนทักษะด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการคัดเลือกงานให้เหมาะกับคนและการเลือกคนให้เหมาะกับงาน ทักษะที่จำเป็นของ Recruiter จะเป็นสิ่งที่กำหนดความสำเร็จในหน้าที่การงาน เช่น ทักษะเชิงจิตวิทยา การเจรจาต่อรอง ตลอดจนการสังเกตและอ่านลักษณะนิสัยของผู้สมัครผ่านการสัมภาษณ์ได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นการสัมภาษณ์ ก็ต้องผ่านการสกรีนเรซูเม่ในรอบแรกก่อน ซึ่งก็ต้องใช้ประสบการณ์เพื่อให้กระบวนการรวดเร็วที่สุด แต่ยังคงประสิทธิภาพไว้ได้เช่นเดิมในตลาดงาน Recruiter จึงเปรียบเสมือน Matchmaker ในการบันดาลจับคู่ระหว่างงานที่หาคนกับคนที่หางาน คัดสรรบุคลากรที่เหมาะสมให้กับบริษัทต่าง ๆ เป็นอาชีพที่ยังประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจและคนจำนวนมาก โดยบริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ปเองได้รับความไว้วางใจจากบริษัทลูกค้ากว่า 400,000 แห่งทั่วโลก และในทุก ๆ วัน มีคนจำนวนหลายล้านคนที่ได้ไปทำงานจากความช่วยเหลือของเราในการจับคู่งานให้ เราจึงถือว่างานของเรา ที่มี Recruiter เป็นศูนย์กลาง ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดแรงงานทั้งนี้ ในต้นปี 2023 แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทยจะเปิดโปรแกรม Manpower Talent Academy ซึ่งเป็น Training course สำหรับผู้ที่สนใจจะทำอาชีพ Recruiter โดยเฉพาะ ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการอบรมจาก Recruiter มากประสบการณ์ของแมนพาวเวอร์โดยตรง และระหว่างที่อบรม ยังมีค่าตอบแทนให้ด้วย นอกจากนี้ เมื่อผ่านการเทรนแล้ว จะได้รับบรรจุเป็นพนักงานประจำทันทีโอกาสดี ๆ ที่จะได้เป็น Matchmaker แห่งโลกการทำงานนี้ พลาดไม่ได้เด็ดขาด! มาร่วมเป็นหนึ่งกับครอบครัว Recruiter ของเรา โปรดติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ในบทความหน้า!
-
พาสำรวจ ManpowerGroup Thailand บริษัทจัดหาพนักงานที่สุดแห่งยุค
7 December 2022 การหาคนทำงานกลายเป็นหนึ่งในกระบวนการที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับทุกองค์กรในปัจจุบัน ทำให้ผู้ประกอบการหรือองค์กรทั้งหลายมองหาตัวช่วยอย่างบริษัทจัดหาพนักงานมาช่วยในการหาคนทำงาน ดังนั้นมาทำความรู้จัก ManpowerGroup Thailand บริษัทจัดหาคนงานและครอบคลุมไปถึงฝ่ายบริหารแห่งยุคให้มากขึ้น ปัญหาในการหาคนทำงานในปัจจุบันถึงแม้ในปัจจุบันจะมีตัวเลขคนว่างงานมากถึง 5 แสนคน แต่หลายองค์กรก็ยังประสบปัญหาในการว่าจ้างพนักงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่ง การใช้เวลานานในการดำเนินการหาพนักงานฝ่ายบุคคล ปัญหาการเรียกอัตราจ้างที่ไม่ลงตัว ปัญหาการไม่มาทำงานของพนักงานใหม่แม้จะมีการเซ็นสัญญาเริ่มงานแล้ว พนักงานที่เข้ามาไม่ตรงตามมาตรฐาน ไม่ผ่านระยะเวลาทดลองงาน (Probation)มีอัตราการลาออกของพนักงานที่สูง (Turnover Rate) นอกจากนี้ยังมีเรื่องเอกสารสัญญาการจ้างงานที่มีรายละเอียดซับซ้อน จนทำให้ฝ่ายบุคคลต้องรับภาระในการศึกษาเกี่ยวกับงานเอกสารเพิ่มเติม และอาจทำให้ไม่สามารถที่จะใส่ใจในส่วนการพัฒนาบุคคลภายในองค์กรได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้การว่าจ้างบริษัทจัดหาพนักงานกลายมาเป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งในด้านการประหยัดเวลาและงบประมาณ ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาได้อย่างเติมประสิทธิภาพManpowerGroup Thailand บริษัทจัดหาพนักงานแห่งยุคผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจบริการสรรหาพนักงานระดับโลก มีสำนักงานใน 75 ประเทศทั่วโลกและมีประสบการณ์ในการหาคนทำงานมายาวนานกว่า 70 ปี โดย ManpowerGroup Thailand ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 ซึ่งมีบริการได้แก่ ประเภทงานประจำ งานชั่วคราว และงานสัญญาจ้าง (Outsorce) ที่ผ่านมาเราได้จัดสรรบุคลากรที่เหมาะสมให้กับองค์กร ซึ่งมีความหลากหลายในสาขาอาชีพ และตำแหน่งตั้งแต่ฝ่ายบริหารไปจนถึงพนักงานชั่วคราวอีกด้วย จนได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำของประเทศในฐานะบริษัทจัดหาแรงงานและพนักงานระดับสูงอีกด้วย โดยเรายังมีแบรนด์ย่อย 3 แบรนด์ที่ทำหน้าที่ดูแลในแต่ละด้านแตกต่างกันไป ดังนี้Manpower - บริษัทจัดหาพนักงานทั้งพนักงานประจำ พนักงานชั่วคราว และพนักงานสัญญาจ้างในทุกระดับ ตั้งแต่ตำแหน่งคนงาน ไปจนถึงระดับผู้บริหารTalent Academy - เน้นการเพิ่มศักยภาพให้พนักงานและองค์กร รวมถึงนำเสนอข้อมูล Insights ต่างๆ ของตลาดแรงงานBorderless Talent Solutions (BTS) เน้นสรรหาพนักงานต่างชาติให้บริษัทต่าง ๆ และช่วยส่งพนักงานไทยไปทำงานต่างประเทศ ครอบคลุมทุกบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการออกวีซ่าทำงานด้วยครอบคลุมงานทรัพยากรบุคคลอย่างที่สุดนอกจากนี้ ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานของ ManpowerGroup Thailand ในฐานะบริษัทจัดหาพนักงาน ทำให้เรามีแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานฝ่ายบุคคลและพร้อมให้บริการที่ครอบคลุมสำหรับงานทรัพยากรบุคคล ได้แก่บริการรับทำเงินเดือนพนักงาน เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญให้บริการที่รองรับการจัดทำบัญชีเงินเดือน การคำนวณรายได้และการหักค่าใช้จ่าย การจัดทำสลิปเงินเดือน การดำเนินการประกันสังคมและกรมสรรพากร ดูเพิ่มเติมบริการด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน ช่วยอำนวยความสะดวกแก่องค์กรโดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการทั้งการให้คำปรึกษา ดำเนินการยื่นเอกสารใบอนุญาตทำงานและวีซ่าอยู่ชั่วคราวประเภทธุรกิจ การรายงานตัวทุก 90 วัน ตลอดจนการขอวีซ่าเพื่อการอื่นสำหรับสมาชิกภายในครอบครัวหรือวีซ่าแบบเดินทางเข้าประเทศได้ไม่จำกัดครั้ง ดูเพิ่มเติมการจัดจ้างงานจากภายนอก ด้วยประสบการณ์กว่า 70 ปีในการสรรหาและจัดการบุคลากรที่มีความสามารถ เราพร้อมให้บริการจัดจ้างภายนอกทั้งพนักงานต้อนรับ บริการห้องรวบรวมและคัดแยกเอกสาร จดหมายและพัสดุในสำนักงาน พนักงานขาย และการสนับสนุนด้านทรัพยากรบุคคลหรือธุรการ ดูเพิ่มเติมการเปลี่ยนสายงานและการจัดหางานใหม่ ช่วยให้องค์กรและบุคลากรสามารถปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายของธุรกิจ โดยมีบริการทั้งการจัดหางานใหม่ การตัดสินใจทางอาชีพ การโยกย้ายพนักงานภายในองค์กร รวมถึงความก้าวหน้าในอาชีพ ดูเพิ่มเติมบริการที่เกี่ยวกับธุรกิจของประเทศญี่ปุ่น มีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อสนับสนุนภาษาญี่ปุ่น ดูแลและสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นและบุคลากรที่กำลังมองหางาน ดูเพิ่มเติมกล่าวได้ว่า บริการของเราครอบคลุมในการจัดสรรพนักงานและยังให้บริการฝ่ายพัฒนาบุคคลอย่างครบวงจรมาตลอดหลายทศวรรษ เนื่องจากเราเป็นบริษัทจัดหาคนทำงานขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการค้นหามาอย่างยาวนาน ทำให้มีฐานข้อมูลพนักงานจากหลากหลายสาขาอาชีพและตำแหน่งงานหลายระดับ พร้อมยังมีทีมบุคลากรในการจัดหาบุคคลทำงานที่มีคุณภาพและโปร่งใส จึงช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถดำเนินการในด้านการพัฒนาบุคคลได้อย่างมีคุณภาพและเกิดประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างมาก โดย ManpowerGroup Thailand มีให้บริการทั้งหมด 7 สาขาทั่วประเทศไทยและยังได้รับความไว้วางจากบริษัทชั้นนำของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กไปจนถึงบริษัทข้ามชาติอย่างกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทต่างชาติ ซึ่งยังการันตีความสำเร็จ เช่น การได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทที่มีจริยธรรมสูงสุดระดับโลกเป็นปีที่ 13 จากสถาบันเอธิสเฟียร์ การได้รับคัดเลือกติดกลุ่มดัชนี FTSE4Good Index 2022 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 การได้รับเสนอชื่อ Forbes Best Employers for Diversity ในปี 2019 และรางวัลอีกมากมายManpower เก่งหาคน ถนัดหางาน “We Love our Jobs”บริษัทจัดหางานชั้นนำระดับโลก ตอบโจทย์การให้บริการอย่างครบวงจร เพราะเราเชื่อว่า "คน" หรือ "Manpower" คือ กุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จของทุกธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรตั้งแต่ระดับทั่วไปจนถึงระดับบริหารให้เข้ากับองค์กรชั้นนำของเรากว่า 20 ปีในประเทศไทย เพื่อยกระดับตลาดแรงงาน พัฒนาศักยภาพพนักงานและธุรกิจสู่ความสำเร็จไปพร้อมกันติดต่อเรา LINE OA: @manpowergroup_thCall Center: 02-171-2345E-mail: recruitmentthailand@manpower.co.thWebsite: www.manpowerthailand.com
-
Borderless Talent Solutions ประตูสู่โลกทำงานที่ไร้พรมแดน
22 November 2022 ในยุคโลกาภิวัตน์ ผู้คนสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น ตลอดจนย้ายถิ่นฐานหรือการไปทำงานในต่างประเทศก็สะดวกขึ้นมาก พนักงานที่ไปทำงานในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติที่ย้ายมาทำงานในไทย หรือ คนไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ ต่างมีความฝันและเป้าหมายที่จะได้รับโอกาสทางอาชีพในด้านต่าง ๆ ทั้งโอกาสในตลาดงานมากมายที่รอทุกคนอยู่ โอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ โอกาสที่จะได้เจริญเติบโต และโอกาสที่จะสร้างรายได้ที่สูงขึ้นอย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการเตรียมการก็อาจนำพาความยุ่งยากมาให้ทั้งกับบริษัทผู้ว่าจ้างและตัวพนักงานด้วยเช่นกันBorderless Talent Solutions (BTS) หรือ บอร์เดอร์เลส ทาเล้นต์ โซลูชั่นส์ เป็นหนึ่งในเครือบริษัทแมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ที่สรรหาพนักงานต่างชาติให้บริษัทต่าง ๆ และช่วยส่งพนักงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เราครอบคลุมทุกบริการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการออกวีซ่าทำงานด้วยลูกค้าส่วนใหญ่ของเราไม่ว่าจะเป็น บริษัทขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ที่ต้องการหาบุคลากรต่างชาติ หรือ ส่งพนักงานไทยไปต่างแดน รวมถึงการให้บริการเพิ่มเติมแต่ไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มต้นที่ไหน บอร์เดอร์เลส ทาเล้นต์ โซลูชั่นส์ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร นอกจากนี้ บริการยังแบ่งเป็น 1. การพนักงานประจำ 2. พนักงานสัญญาระยะสั้น โดยทางเราสามารถช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในกระบวนการทำวีซ่าทำงานได้อีกด้วย ทั้งนี้ ภูมิภาคหรือประเทศหลักที่เรามีออฟฟิศพร้อมให้บริการ ได้แก่ เอเชียอาคเนย์ (ยกเว้น ลาว กัมพูชา และเมียนมา ที่ไม่มีสาขาของแทนพาวเวอร์), สหราชอาณาจักร และสาธารณะประชาชนจีน โดยเรามีเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารในภาษาต่าง ๆ เพื่อช่วยดำเนินความสะดวกได้มากขึ้นไปอีกนั่นเป็นเหตุผลที่ลูกค้าหันมาใช้ Borderless Talent Solutions (BTS) ของเรา ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้คุณเคลื่อนย้ายแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทาง ไปยังตลาดที่ขาดแคลนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นบริการที่ตอบโจทย์การหาคนทำงานหรือแรงงานให้ตรงกับความต้องการขององค์กรได้อย่างแม่นยำ เพราะแมนพาวเวอร์กรุ๊ปเข้าใจศักยภาพและทักษะของแรงงานเหล่านี้ รวมถึงการให้บริการเพิ่มเติม เช่น แนะนำวีซ่า ให้การช่วยเหลือการย้ายถิ่นฐานการทำงาน ฯลฯ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกที่ไม่มีใครเทียบได้ดังนั้นการไปทำงานในต่างประเทศที่ดูเหมือนยาก แต่ด้วยความช่วยเหลือของบอร์เดอร์เลส ทาเล้นต์ โซลูชั่นส์ ช่วยเปิดโอกาสให้คนไทยที่มีความฝันจะไปทำงานเมืองนอก ได้ทำตามฝันให้เป็นจริงโดยไม่ต้องเสียเวลาไปหางานเอง บอร์เดอร์เลส ทาเล้นต์ โซลูชั่นส์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่การันตีชื่อเสียงโดยแมนพาวเวอร์กรุ๊ป บริษัทจัดหางานระดับโลก จะช่วยสนับสนุนและลดความยุ่งยากให้ทั้งบริษัทต่าง ๆ และคนไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศ สร้างความสะดวกสบาย เปรียบเสมือนประตูที่เปิดสู่โลกแห่งการทำงานแบบไร้พรมแดนที่แท้จริง องค์กรใดที่ต้องการหาบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทางทั้งชาวไทย และต่างชาติไปทำงานต่างแดน กรุณากรอกข้อมูลในแบบฟอร์มด้านล่างได้เลยค่ะ