-
เจาะลึกเทรนด์ธุรกิจสินค้าและบริการผู้บริโภคในปี 2025
28 April 2025 ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความต้องการของผู้บริโภคพลิกผันอยู่ตลอด และเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ภาคธุรกิจสินค้าและบริการผู้บริโภคจึงกำลังยืนอยู่ที่จุดเปลี่ยนสำคัญ รายงานฉบับล่าสุดจาก ManpowerGroup "World of Work 2025 Outlook" นำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ พร้อมรับมือกับความท้าทาย และคว้าโอกาสใหม่ในอนาคตเทรนด์สำคัญที่กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรม1. การทรานส์ฟอร์มด้วยดิจิทัล (Digital Transformation) ธุรกิจกำลังเร่งนำเทคโนโลยีอย่าง AI, Big Data Analytics และ IoT มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือชั้น โดยคาดการณ์ว่าเพียงแค่การนำ AI มาใช้ ก็อาจสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 160-270 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี2. ความยืดหยุ่นของซัพพลายเชน (Supply Chain Resilience) จากบทเรียนของความปั่นป่วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซีอีโอถึง 81% มีแผนจะปรับซัพพลายเชนให้ใกล้ชิดกับตลาดหลักมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงจากความผันผวนทั่วโลก3. ความยั่งยืนที่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ (Sustainability) ผู้บริโภค 73% พร้อมจ่ายแพงขึ้นเพื่อสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แนวโน้มนี้กำลังผลักดันให้ธุรกิจต้องวางกลยุทธ์ใหม่ ทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ วิธีดำเนินงาน และการบริหารทรัพยากรบุคคล4. นวัตกรรมด้านประสบการณ์ลูกค้า (CX Innovation) ผู้บริโภคยุคใหม่คาดหวังการบริการที่เฉพาะเจาะจงตรงใจมากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงต้องลงทุนในเทคโนโลยีข้อมูลและความสามารถด้าน AI เพื่อแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด5. การสรรหาและรักษาคนเก่ง (Talent Acquisition and Retention) ในขณะที่ช่องว่างด้านทักษะ (Skills Gap) กำลังขยายกว้าง การดึงดูดและรักษาคนเก่งจึงกลายเป็นภารกิจเร่งด่วนของผู้นำในอุตสาหกรรมผลกระทบต่อแรงงานและการบริหารบุคลากรรายงานระบุว่า 59% ของแรงงานในตลาดจะต้องได้รับการฝึกอบรมใหม่ (Reskilling / Upskilling) ภายในปี 2030 องค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคใหม่นี้ จึงจำเป็นต้องวางแผนกำลังคนอย่างมีกลยุทธ์ และนำแนวทางที่คล่องตัวมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาทักษะและเสริมความสามารถของพนักงานอย่างต่อเนื่องหากคุณต้องการเข้าใจแนวโน้มเหล่านี้เพิ่มเติม พร้อมข้อมูลวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง ดาวน์โหลดรายงาน "World of Work 2025 Outlook" ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะกรอกข้อมูลของท่าน เพื่อดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม
-
กฎหมายแรงงาน 2568 สิทธิ ค่าจ้าง วันหยุด สวัสดิการที่ควรรู้
18 April 2025 ปี 2568 ได้มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมกฎหมายแรงงานหลายฉบับเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ การคุ้มครองแรงงาน และมาตรฐานการใช้แรงงาน รวมถึงสิทธิการลาประเภทต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้รวบรวมสาระสำคัญของกฎหมายแรงงานฉบับล่าสุดมาไว้ที่นี่ เพื่อให้พนักงานทุกคนได้รู้ถึงสิทธิของตนเอง พร้อมกับช่วยให้ไม่ถูกเอาเปรียบในสถานที่ทำงานได้ ค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานตามกฎหมายแรงงาน 2568มาดูกันว่า ค่าจ้างและสวัสดิการพื้นฐานที่พนักงานควรรู้ตามกฎหมายแรงงาน มีอะไรบ้างอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศของคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 13) โดยได้มีการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่แบ่งตามพื้นที่ โดยมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568 ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้400 บาทต่อวัน : ใน 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี380 บาทต่อวัน: อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา372 บาทต่อวัน : กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร359 บาทต่อวัน : จังหวัดนครราชสีมา358 บาทต่อวัน: จังหวัดสมุทรสงคราม357 บาทต่อวัน: จังหวัดขอนแก่น เชียงใหม่ (ยกเว้นอำเภอเมืองเชียงใหม่) ปราจีนบุรีพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี356 บาทต่อวัน: จังหวัดลพบุรี355 บาทต่อวัน : จังหวัดนครนายก สุพรรณบุรี และหนองคาย354 บาทต่อวัน: จังหวัดกระบี่ และตราด352 บาทต่อวัน: จังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี เชียงราย ตาก นครพนม บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ พังงา พิษณุโลก มุกดาหาร สกลนคร สงขลา (ยกเว้นอำเภอหาดใหญ่) สระแก้ว สุราษฎร์ธานี (ยกเว้นอำเภอเกาะสมุย) และอุบลราชธานี351 บาทต่อวัน: จังหวัดชุมพร เพชรบุรี และสุรินทร์350 บาทต่อวัน: จังหวัดนครสวรรค์ ยโสธร และลำพูน349 บาทต่อวัน: จังหวัดกาฬสินธุ์ นครศรีธรรมราช บึงกาฬ เพชรบูรณ์ และร้อยเอ็ด348 บาทต่อวัน: จังหวัดชัยนาท ชัยภูมิ พัทลุง สิงห์บุรี และอ่างทอง347 บาทต่อวัน: จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลยศรีสะเกษ สตูล สุโขทัย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี345 บาทต่อวัน: จังหวัดตรัง น่าน พะเยา และแพร่337 บาทต่อวัน: จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้รับนอกจากค่าจ้างขั้นต่ำแล้ว กฎหมายแรงงานยังกำหนดให้นายจ้างต้องจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่ลูกจ้าง เช่นค่าล่วงเวลา : ต้องจ่ายในอัตราไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของค่าจ้างปกติ สำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันทำงานปกติ และไม่น้อยกว่า 3 เท่าของค่าจ้างปกติ สำหรับการทำงานล่วงเวลาในวันหยุดวันหยุดตามประเพณี: ตามกฎหมายแรงงาน ลูกจ้างมีสิทธิได้รับวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วันต่อปี โดยได้รับค่าจ้างวันหยุดพักผ่อนประจำปี : ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : เป็นสวัสดิการที่นายจ้างอาจจัดให้โดยความสมัครใจ โดยนายจ้างและลูกจ้างจะจ่ายเงินสมทบในอัตราที่ตกลงกันในปี 2568 มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลภายใต้ระบบประกันสังคม โดยได้เพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลในหลายกรณี และเพิ่มรายการยาในบัญชียาหลักให้ครอบคลุมมากขึ้นเวลาทํางานตามกฎหมายแรงงานตามกฎหมายแรงงานในเรื่องเวลาทํางาน มีกฎเกณฑ์ที่สำคัญดังนี้ระยะเวลาทำงานปกติต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน แต่ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นายจ้างและลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าให้มีเวลาพักน้อยกว่าครั้งละ 1 ชั่วโมงได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่าครั้งละ 20 นาที และเมื่อรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่าวันละ 1 ชั่วโมงการคุ้มครองการจ้างงานและการเลิกจ้าง สัญญาจ้างและข้อตกลงในการทำงาน ข้อจำกัดในการทำสัญญาจ้างชั่วคราว : กำหนดให้การจ้างงานชั่วคราวต้องมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดที่แน่นอน และต้องเป็นงานที่มีลักษณะชั่วคราวอย่างแท้จริงการเลิกจ้างและค่าชดเชยกรณีที่มีการเลิกจ้าง กฎหมายแรงงานได้กำหนดเงื่อนไขและอัตราค่าชดเชยไว้ดังนี้ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้าง ลูกจ้างที่ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 30 วันลูกจ้างที่ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 90 วันลูกจ้างที่ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 180 วันลูกจ้างที่ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 240 วันลูกจ้างที่ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 300 วันลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป : ค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้าง 400 วันการบอกเลิกจ้าง: นายจ้างต้องแจ้งการเลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 1 รอบการจ่ายค่าจ้าง หากไม่แจ้งล่วงหน้า ต้องจ่ายค่าชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าข้อยกเว้นในการจ่ายค่าชดเชย : นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยในกรณีเลิกจ้าง หากลูกจ้างกระทำความผิดร้ายแรง เช่น ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจทำให้นายจ้างเสียหาย หรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงสิทธิในการลาประเภทต่าง ๆการลาป่วยลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง โดยได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วันทำงานต่อปี นายจ้างสามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ในกรณีที่ลูกจ้างลาป่วยตั้งแต่ 3 วันขึ้นไปการลาคลอดลูกจ้างหญิงมีสิทธิลาคลอดได้ 98 วัน โดยได้รับค่าจ้างไม่เกิน 45 วัน ส่วนที่เหลือจะได้รับเงินสงเคราะห์จากประกันสังคมในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างการลากิจลูกจ้างมีสิทธิลากิจเพื่อกิจธุระอันจำเป็นตามข้อบังคับการทำงานที่นายจ้างกำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 5-10 วันต่อปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละองค์กรการลาไปทำหมันลูกจ้างสามารถลาหยุดเพื่อไปทำหมันได้ตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนด และออกใบรับรองแพทย์ โดยลูกจ้างยังมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันลานั้นการลาไปรับราชการทหารลูกจ้างสามารถลาเพื่อไปรับราชการทหารได้ โดยจะได้รับค่าจ้างตลอดเวลาที่ลา สูงสุดไม่เกิน 60 วันต่อปีการใช้แรงงานตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานเรื่องการใช้แรงงาน มีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้การใช้แรงงานหญิงห้ามลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ทำงานในช่วงเวลา 22:00 - 06:00 น. รวมถึงการทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดห้ามแรงงานหญิงทำงานในที่เสี่ยงอันตราย เช่น งานในเหมืองแร่ งานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์ ในปล่องภูเขา หรืองานที่ต้องทำบนนั่งร้านสูงกว่าพื้น 10 เมตรขึ้นไป รวมถึงงานขนส่งวัตถุระเบิด วัตถุไวไฟการใช้แรงงานเด็กห้ามจ้างเด็กอายุที่ต่ำกว่า 15 ปี มาเป็นลูกจ้างลูกจ้างเด็กมีสิทธิฝึกอบรม โดยจะได้รับค่าจ้าง 30 วันกรณีจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาเป็นลูกจ้าง นายจ้างต้องแจ้งต่อพนักงานตรวจแรงงานห้ามไม่ให้นายจ้างใช้ลูกจ้างเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในช่วงเวลา 22:00 - 06:00 น.ห้ามไม่ให้นายจ้างใช้ลูกจ้างเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานล่วงเวลาห้ามไม่ให้นายจ้างให้ลูกจ้างเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานที่เสี่ยงอันตรายหากคุณเป็นพนักงานที่กำลังค้นหาโอกาสใหม่ในการทำงาน และอยากได้งานที่มั่นคงในองค์กรที่ปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพสิทธิพนักงาน แนะนำให้มาฝากประวัติกับ Manpower เว็บสมัครงาน ที่จัดหาคนและหางานระดับโลก ที่พร้อมเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคุณกับบริษัทชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงาน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 70 ปี พร้อมเครือข่ายที่ครอบคลุมกว่า 75 ประเทศทั่วโลก และ 8 สำนักงานในประเทศไทย เรามั่นใจว่าจะช่วยให้คุณค้นหางานที่ตอบโจทย์ความต้องการและช่วยเติมเต็มศักยภาพของคุณได้อย่างแท้จริง หากสนใจ สามารถมาฝากประวัติไว้กับเราได้เลยวันนี้ข้อมูลอ้างอิงสิทธิตามกฎหมายแรงงาน. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 จาก https://www.mol.go.th/employee/สิทธิตามกฎหมายแรงงาน.มีผล 1 ม.ค.2568 ราชกิจจาฯ ประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ 337-400 บาท. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 จาก https://www.thaipbs.or.th/news/content/347764.เปิดอัตราค่าแรงขั้นต่ำ ปี 2568 ครบทั้ง 77 จังหวัด มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2568. สืบค้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 จาก https://thestandard.co/minimum-wage-rates-thailand-2568/.
-
4 ประโยชน์ที่องค์กรได้รับจาก Hybrid Working ในยุคหลังโควิด
18 April 2025 การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้พลิกโฉมการทำงานขององค์กรทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ที่ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานอย่างฉับพลัน หนึ่งในรูปแบบที่เกิดขึ้นและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องคือ รูปแบบการทำงานแบบ “Hybrid Working” หรือการทำงานที่ผสมผสานระหว่างการนั่งทำงานในออฟฟิศและการทำงานจากที่ไหนก็ได้แบบระยะไกล ซึ่งแน่นอนว่าเทรนด์การทำงานในลักษณะนี้กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมอบทั้งความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานในยุคปัจจุบันการทำงานแบบ Hybrid Working คืออะไร ? มากกว่าแค่ Work from Home Hybrid Working คือรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในเรื่องสถานที่ทำงาน โดยพนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะที่ออฟฟิศ ที่บ้าน หรือ Co-Working Space ต่าง ๆ โดยทั่วไป องค์กรมักจะกำหนดวันเข้าออฟฟิศและวันทำงานจากระยะไกลตามความเหมาะสมของธุรกิจและลักษณะงาน เช่น อาจกำหนดให้พนักงานเข้าออฟฟิศ 2-3 วันต่อสัปดาห์ และทำงานจากที่อื่นในวันที่เหลือ ซึ่งการจัดสรรเวลาในรูปแบบนี้จะช่วยให้ทั้งองค์กรและพนักงานได้รับประโยชน์ในแง่ที่แตกต่างกันออกไปประโยชน์ที่องค์กรและพนักงานได้รับจากการทำงานแบบ Hybrid Working1. พนักงานทำงานมีประสิทธิภาพ องค์กรได้งานคุณภาพ การทำงานแบบ Hybrid ช่วยให้พนักงานได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับลักษณะงาน ส่งผลให้พวกเขามีสมาธิและสามารถผลิตงานคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากงานบางประเภทต้องการความเงียบสงบ เช่น การเขียนรายงานหรืองานโปรแกรมมิ่ง ซึ่งทำได้ดีที่บ้าน ในขณะที่งานสร้างสรรค์หรืองานที่ต้องทำเป็นทีมก็มักจะเหมาะกับการเข้าออฟฟิศเพื่อระดมความคิดร่วมกันมากกว่า2. ลดต้นทุนการดำเนินงานเมื่อใช้รูปแบบการทำงานแบบ Hybrid Working พนักงานสามารถสลับวันเข้าออฟฟิศกันได้ ทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะทำงานสำหรับทุกคนพร้อมกัน จึงสามารถลดขนาดพื้นที่ออฟฟิศและประหยัดทั้งค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค รวมถึงค่าบำรุงรักษาได้อย่างมาก นอกจากนี้ หลายองค์กรยังนำระบบ Hot-desking มาใช้ โดยให้พนักงานจองพื้นที่ทำงานก่อนเมื่อต้องการเข้าออฟฟิศ ซึ่งช่วยให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น3. ดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพคนรุ่นใหม่ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน ดังนั้น เมื่อบริษัทมีระบบการทำงานแบบ Hybrid พนักงานรุ่นใหม่ที่มีความสามารถก็จะให้ความสนใจและอยากมาร่วมงานด้วย อีกทั้งพนักงานปัจจุบันยังจะรู้สึกว่าองค์กรมีแนวคิดทันสมัย ใส่ใจความต้องการของพวกเขา และไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความผูกพันและแรงจูงใจในการทำงานกับองค์กรในระยะยาว4. ส่งเสริมสุขภาพจิตและ Work-Life Balanceการทำงานแบบ Hybrid ช่วยลดเวลาเดินทางมาออฟฟิศได้อย่างมาก ทำให้พนักงานมีเวลาให้ครอบครัวและตัวเอง สามารถจัดสมดุลชีวิตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผลดีก็คือ พนักงานมีความเครียดน้อยลง ทั้งยังลดโอกาสเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน ทั้งยังต่อยอดถึงประสิทธิภาพการทำงานและความสุขในชีวิตโดยรวมของเหล่าพนักงานด้วย แนวทางการปรับตัวขององค์กรไทยสู่การทำงานแบบ Hybrid Workingเมื่อเห็นประโยชน์ของการทำงานแบบ Hybrid แล้ว หลายองค์กรคงอยากนำวัฒนธรรมการทำงานแบบนี้มาปรับใช้บ้าง อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องทำอย่างมีแผนและเป็นระบบ ซึ่งเรามีแนวทางมาแนะนำดังต่อไปนี้1. กำหนดนโยบาย Hybrid Working ให้ชัดเจนองค์กรควรวางกรอบการทำงานที่ชัดเจน โดยระบุว่าตำแหน่งงานใดสามารถทำงานจากที่ไหนได้บ้าง รวมถึงจำนวนวันที่ต้องเข้าออฟฟิศต่อสัปดาห์ควรมีกี่วัน และวิธีวัดผลการทำงานเป็นอย่างไร ทั้งนี้ นโยบายที่ดีควรยืดหยุ่นเพียงพอเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานทุกระดับ และต้องชัดเจนพอที่จะให้ทุกคนเข้าใจตรงกันและนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง2. นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานการลงทุนในเครื่องมือดิจิทัลถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานแบบ Hybrid ไม่ว่าจะเป็นการใช้แพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์ ซอฟต์แวร์บริหารโปรเจกต์ หรือระบบคลาวด์ที่ปลอดภัย โดยองค์กรควรเลือกเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจัดอบรมให้พนักงานสามารถใช้งานเครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างคล่องแคล่ว3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งการที่พนักงานในทีมทำงานต่างสถานที่กัน และเจอกันบ้างในบางวันเมื่อเข้าออฟฟิศ อาจทำให้ความรู้สึกเป็นทีมเดียวกันไม่ชัดเจนเท่าที่ควร ดังนั้น บริษัทจึงควรหาวิธีเชื่อมโยงพนักงานเข้าด้วยกันผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น Team Building เสมือนจริง หรือการพบปะสังสรรค์ในโอกาสพิเศษ และที่สำคัญ ควรสื่อสารกับพนักงานเรื่องสถานการณ์บริษัท ทั้งความสำเร็จ ปัญหา ความท้าทาย รวมถึงกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พวกเขายังรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร แม้จะทำงานจากระยะไกลก็ตาม4. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะพนักงานการทำงานแบบ Hybrid ต้องการทักษะเฉพาะทาง ทั้งด้านเทคโนโลยี การบริหารเวลา การสื่อสาร และความสามารถในการทำงานด้วยตนเอง ดังนั้น องค์กรจึงควรจัดการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านี้ให้กับพนักงานทุกระดับ นอกจากนี้ ยังควรสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานพร้อมรับมือกับความท้าทายของรูปแบบการทำงานใหม่ได้สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาบุคลากรคุณภาพที่เหมาะกับยุค Hybrid Working ในฐานะ Recruitment Agency ในไทย Manpower พร้อมให้บริการสรรหาพนักงานประจำที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้จัดการ (Manager) ที่สามารถบริหารทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในออฟฟิศและทางไกล หรือพนักงานที่มีทักษะดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เรามีเครือข่ายผู้สมัครคุณภาพและขั้นตอนการคัดกรองที่ช่วยให้คุณประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรพร้อมกันนี้ เรายังให้คำแนะนำเกี่ยวกับคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อให้คุณได้บุคลากรที่ตอบโจทย์การทำงานแบบ Hybrid มากที่สุด สนใจบริการรับจัดหาพนักงานประจำ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มได้เลย แล้วเจ้าหน้าที่ของเราจะติดต่อกลับอย่างรวดเร็วข้อมูลอ้างอิงThe Advantages and Challenges of Hybrid Work. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 จากhttps://www.gallup.com/workplace/398135/advantages-challenges-hybrid-work.aspx.
-
ผลกระทบของ AI ต่ออาชีพและตลาดแรงงานยุคใหม่
18 April 2025 เทคโนโลยี AI กำลังเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสใหม่ ๆ และความท้าทายสำหรับตลาดแรงงานทั่วโลก เนื่องจากการทำงานของ AI สามารถเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานบางประเภทได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างงานใหม่ ๆ ที่ต้องการทักษะเฉพาะด้านด้วยเช่นกัน แต่หากพูดถึงผลกระทบของ AI ต่ออาชีพของคนยุคใหม่แล้วจะส่งผลอย่างไรบ้าง ? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบพร้อมกัน ผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงานในอนาคตเทคโนโลยี AI กำลังกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งแง่บวกและแง่ลบ ดังนี้ผลกระทบเชิงบวกเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน : AI ช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำและทำได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงานที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงการทำงานที่มีลักษณะซ้ำซ้อนสร้างงานใหม่ : แม้บางอาชีพอาจหายไป แต่ก็มีงานใหม่ที่ต้องการทักษะด้านเทคโนโลยี AI เกิดขึ้นมากมาย เช่น วิศวกรด้าน Machine Learning หรือผู้พัฒนาโมเดล AIขับเคลื่อนเศรษฐกิจ : การนำ AI มาใช้ในองค์กรสามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลก ทั้งยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ในระยะยาวผลกระทบเชิงลบการว่างงาน : การแทนที่งานบางประเภทด้วย AI อาจทำให้แรงงานบางกลุ่มต้องตกงาน หากไม่มีการพัฒนาและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโอกาส : กลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษา เทคโนโลยี หรือการอบรมทักษะใหม่ ๆ จะตกอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังการพึ่งพา AI มากเกินไป : หากองค์กรพึ่งพา AI โดยขาดการควบคุมหรือขาดการใช้วิจารณญาณของมนุษย์ อาจทำให้เกิดปัญหาด้านจริยธรรมและความแม่นยำของข้อมูลได้ผลกระทบของ AI ต่ออาชีพที่เสี่ยงหายไปการเข้ามาของ AI จะทำให้บางอาชีพมีความเสี่ยงที่จะหายไป เพราะถูกทดแทนด้วยการทำงานของ AI ตัวอย่างอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่อาชีพที่เสี่ยงถูกแทนที่โดยเทคโนโลยี AI1. พนักงาน Call Center / พนักงานขายทางโทรศัพท์ระบบ AI Chatbot และระบบตอบรับอัตโนมัติที่สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติและตอบคำถามพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง จึงช่วยลดความจำเป็นในการใช้พนักงานจำนวนมากในการให้บริการลูกค้า 2. พนักงานบัญชีซอฟต์แวร์บัญชีอัตโนมัติที่ใช้ AI ประมวลผลข้อมูลทางการเงิน จัดทำรายงาน และตรวจสอบความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้ความต้องการพนักงานบัญชีระดับปฏิบัติการลดลง3. พนักงานต้อนรับหุ่นยนต์และระบบ AI สามารถทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า ตอบคำถามพื้นฐาน และให้ข้อมูลได้เหมือนกับพนักงานต้อนรับ โดยเฉพาะในโรงแรม ร้านอาหาร หรือศูนย์การค้า ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านบุคลากร4. พนักงานพิสูจน์อักษรเครื่องมือ AI เช่น Grammarly หรือ Language Tool สามารถใช้ตรวจสอบไวยากรณ์และการสะกดคำที่มีความแม่นยำสูงและสามารถทำงานได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ ทำให้ความต้องการพนักงานพิสูจน์อักษรในสำนักพิมพ์และองค์กรสื่อลดลงอย่างมาก5. พนักงานขายสินค้าในห้างร้านค้าออนไลน์ที่ใช้ AI ในการแนะนำสินค้าและให้ข้อมูล ทำให้ความต้องการพนักงานขายในร้านค้าปลีกลดลง แต่ในทางกลับกัน ปัจจุบันยังมีความต้องการพนักงานในตำแหน่งที่ให้คำแนะนำในเรื่องเฉพาะทางหรือบริการพิเศษอยู่ อาชีพใหม่ที่เกิดในจากยุค AIแม้ว่าผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงานจะทำให้บางอาชีพเสี่ยงหายไป แต่ในขณะเดียวกัน AI ก็สร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่ต้องการทักษะเฉพาะทางมากขึ้น โดยอาชีพเหล่านี้มักจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนา การดูแล และการใช้งานเทคโนโลยี AI โดยตรง ตัวอย่างอาชีพใหม่ที่มาพร้อมกับยุค AI ได้แก่อาชีพใหม่ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยี AIData Engineerทำหน้าที่ออกแบบและพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ของ AI โดยต้องมีความเชี่ยวชาญในการจัดการข้อมูล การออกแบบฐานข้อมูล และการพัฒนาระบบให้สามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้องค์กรสามารถนำไปใช้งานต่อได้ทันทีData Scientistนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือ ผู้ทำหน้าที่วิเคราะห์และตีความข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาโมเดล AI โดยต้องมีความรู้ทั้งด้านสถิติ คณิตศาสตร์ และการเขียนโปรแกรม เพื่อสร้างอัลกอริทึมที่สามารถแก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพMachine Learning Engineerผู้ที่ทำหน้าที่พัฒนาและปรับปรุงโมเดล AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยต้องมีความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรมและการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนและปรับปรุงอัลกอริทึมให้มีความฉลาดยิ่งขึ้น AI Content Reviewerผู้ตรวจสอบเนื้อหาที่สร้างโดย AI ทำหน้าที่ตรวจทานและแก้ไขเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหานั้นมีคุณภาพ ถูกต้อง และเหมาะสม โดยต้องมีความรู้เฉพาะทางในสาขาที่เกี่ยวข้องและมีทักษะการเขียนที่ดีAI Trainerผู้ฝึกสอน AI ทำหน้าที่ให้ข้อมูลและป้อนข้อมูลเข้าระบบ เพื่อให้ AI เรียนรู้และพัฒนาความสามารถ โดยต้องเข้าใจกระบวนการเรียนรู้ของ AI และสามารถประเมินผลลัพธ์เพื่อปรับปรุงการทำงานของ AI ได้การเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงขององค์กรสำหรับองค์กรที่ต้องการก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของ AI ต้องเตรียมความพร้อมในด้านการสรรหาบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทาง การร่วมงานกับเอเจนซี่รับจัดหาพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้ทีมงานที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการขององค์กรการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานที่เกิดจากเทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่มอบความท้าทายให้แก่ผู้ประกอบการ แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโตของธุรกิจ หากคุณกำลังมองหาพนักงานที่มีทักษะเฉพาะทาง เพื่อมาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า Manpower พร้อมช่วยคุณ เราเป็นบริษัท Recruitment Agency ในไทย ที่มีทีมงานเชี่ยวชาญในการสรรหาพนักงานที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการขององค์กร ติดต่อเรามาได้เลย ข้อมูลอ้างอิง12 อาชีพเกิดใหม่ ในยุค AI เฟื่องฟู ทักษะยิ่งสูง ยิ่งมีโอกาสรับตำแหน่งงานใหม่ในโลกดิจิทัล. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 จาก https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/digital_transformation/2760125รวม 5 อาชีพด้าน AI รายได้ดี และน่าจับตามองในปี 2024. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 จาก https://aigencorp.com/top-5-ai-jobs-in-2024/
-
ปัญหาพนักงานลาออกบ่อย ๆ และเคล็ดลับในการแก้ไขให้ได้ผล
6 February 2025 การต้องเจอกับการลาออกของพนักงานอยู่เป็นประจำ (Turnover) เป็นปัญหาที่หลายองค์กรต้องเผชิญ ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจัดหาพนักงานใหม่และการฝึกอบรม การเข้าใจสาเหตุ ว่าพนักงานลาออกบ่อยเกิดจากอะไร พร้อมวิธีปรับองค์กรอย่างตรงจุด จะช่วยลดอัตราการลาออก (Attrition Rate) และสร้างความยั่งยืนให้กับทีมงานได้ในระยะยาวTurnover และ Attrition Rate ของพนักงานคืออะไร ?Turnover หรือ อัตราการหมุนเวียนของพนักงาน คืออัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญที่สะท้อนปัญหาภายในองค์กร เช่น ระบบการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย หรือการขาดแรงจูงใจในการทำงานส่วน Attrition Rate คือ อัตราการลดลงของพนักงานในองค์กรโดยที่ไม่มีการทดแทนพนักงานทันที ตัวชี้วัดนี้จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถเข้าใจถึงจำนวนพนักงานที่หายไปจากองค์กรในระยะเวลาหนึ่งการวัด Attrition Rate มีความสำคัญกับทุก ๆ องค์กร เพราะจะช่วยให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายบุคคลเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้พนักงานลาออก พร้อมกับหาทางปรับปรุงการบริหารงาน เพื่อช่วยลดปัญหาในเรื่องนี้ สาเหตุการลาออกของพนักงานที่องค์กรควรรู้การที่พนักงานลาออกบ่อยครั้งเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละสาเหตุมีผลต่อ Attrition Rate ขององค์กร ดังนี้1. ค่าตอบแทนและสวัสดิการไม่จูงใจพนักงานที่รู้สึกว่าค่าตอบแทนหรือสวัสดิการที่ได้รับไม่เพียงพอต่อความพยายามที่ทำในองค์กร มักจะมองหางานที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่า อัตราการลาออกจึงสูงขึ้นเมื่อไม่มีการให้รางวัลที่คุ้มค่ากับความสามารถและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ2. ขาดโอกาสในการเติบโตหลายครั้งที่พนักงานลาออกเพราะรู้สึกว่าไม่สามารถเติบโตในสายอาชีพได้ หรือองค์กรไม่มีแผนการพัฒนาทักษะและความสามารถให้แก่พนักงาน ด้วยเหตุนี้ พนักงานที่มีความทะเยอทะยานอาจมองหาโอกาสใหม่ที่สามารถพัฒนาตนเองได้มากกว่า3. ผลกระทบจากภาระงานที่หนักเกินไปภาระงานที่หนักหรือเวลาการทำงานที่ยาวนานเกินไป อาจทำให้พนักงานรู้สึกเครียดและหมดไฟในการทำงาน เมื่อไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเกี่ยวกับภาระงาน การลาออกจึงเป็นทางออกที่พนักงานเลือก เนื่องจากไม่สามารถรับมือกับงานได้อีกต่อไป 4. ขาดความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวการที่พนักงานต้องเสียเวลามากเกินไปในการทำงานและขาดเวลาส่วนตัว อาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจในชีวิตการทำงานและลาออกไปหางานที่มีความสมดุลระหว่างงานและชีวิตที่ดีกว่า5. สไตล์การทำงานไม่ตรงกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมทีมความขัดแย้งระหว่างพนักงานกับหัวหน้าหรือทีมงาน อาจส่งผลให้พนักงานรู้สึกไม่สบายใจในการทำงาน พนักงานที่รู้สึกว่าบรรยากาศการทำงานไม่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองมักจะมองหางานใหม่ที่ตรงกับค่านิยมและสไตล์การทำงานของพวกเขาเคล็ดลับลด Attrition Rate แก้ปัญหาพนักงานลาออกอย่างได้ผลเพื่อให้ Attrition Rate ลดลง และป้องกันไม่ให้พนักงานลาออกบ่อยครั้ง องค์กรสามารถใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการบุคลากรและสร้างความพึงพอใจให้กับพนักงานได้1. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจนจะช่วยให้พนักงานรู้สึกเชื่อมโยงและภาคภูมิใจในทีมงาน ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรในระยะยาว2. สนับสนุนการพัฒนาทักษะพนักงานให้โอกาสพนักงานในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ช่วยให้พวกเขารู้สึกเติบโตในอาชีพ และเพิ่มความรู้สึกมีคุณค่าในองค์กร3. การสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นเปิดช่องทางให้พนักงานแสดงความคิดเห็น เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าองค์กรใส่ใจและยินดีที่จะรับฟังและปรับปรุงสิ่งที่ยังไม่ดีให้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น 4. การรับ Feedbackการขอรับ Feedback จากพนักงานอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงความต้องการและข้อกังวลของพนักงาน และสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดียิ่งขึ้น5. เลือกใช้บริษัทจัดหาพนักงานที่เชี่ยวชาญบริษัทจัดหางานที่มีประสบการณ์สามารถช่วยให้องค์กรได้พนักงานที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ ลดโอกาสการลาออกในระยะยาวสำหรับองค์กรที่ต้องการบุคลากรคุณภาพ สามารถเลือกใช้บริการจัดหาพนักงานกับ Manpower บริษัท Recruitment ที่พร้อมช่วยคุณสรรหาพนักงานที่มีความสามารถตรงตามความต้องการของธุรกิจ ด้วยประสบการณ์ในการสรรหาบุคลากรมากกว่า 70 ปี พร้อมให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงผู้บริหาร ทั้งแบบประจำและสัญญาจ้างชั่วคราว เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของธุรกิจคุณ สนใจรับคำปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้เลยวันนี้ข้อมูลอ้างอิง10 Causes of Employee Turnover & How to Prevent/Reduce Them. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 จาก https://www.netsuite.com/portal/resource/articles/human-resources/employee-turnover-causes.shtml
-
ไขข้อสงสัย ฝาก Resume ที่ไหนดี ? ฝากนานแล้วทำไมยังเงียบ ?
6 February 2025 "การฝากประวัติสมัครงานแล้วเงียบ" เป็นปัญหาที่เหล่าคนทำงานมักต้องเจอในยุคที่ตลาดแรงงานมีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในปี 2025 การปรับปรุงโปรไฟล์และใช้กลยุทธ์เขียนใบสมัครงานให้โดดเด่น เพื่อให้ได้รับความสนใจจาก HR เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งแล้วอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้คุณไม่ได้รับการตอบกลับ บทความนี้ได้รวบรวมมาไว้ให้ครบ พร้อมแนะนำ 5 เทคนิคเพิ่มโอกาสให้คุณได้งานอย่างที่ตั้งใจไว้ สาเหตุที่ฝากประวัติสมัครงานแล้วเงียบก่อนที่เราจะหาวิธีแก้ไขและเลือกฝาก Resume ที่ไหนดี เราควรมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้ใบสมัครที่ฝากนานแล้วทำไมยังเงียบว่าเกิดจากอะไรกันก่อน 1. คุณสมบัติไม่ตรงกับที่บริษัทต้องการบริษัทมักมีเกณฑ์ที่ชัดเจนในการคัดเลือกพนักงาน เช่น ประสบการณ์เฉพาะทาง ทักษะที่จำเป็น หรือวุฒิการศึกษาที่ต้องการ หากโปรไฟล์ของคุณไม่ตรงกับสิ่งที่บริษัทกำหนด โอกาสได้รับการพิจารณาก็จะลดลง2. ใบสมัครของเราไม่โดดเด่นResume ที่ไม่มีความน่าสนใจ ข้อมูลไม่ชัดเจน หรือไม่มีการใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน อาจทำให้ใบสมัครของคุณไม่ได้ถูกคัดเลือกตั้งแต่แรก3. การขาดการติดตามผลHR มักได้รับใบสมัครเป็นจำนวนมาก หากไม่ติดตามความคืบหน้าหลังสมัครงาน โอกาสที่ใบสมัครจะถูกลืมก็มากขึ้น การส่งอีเมลหรือโทรสอบถามอย่างสุภาพสามารถช่วยให้ HR ให้ความสนใจในตัวคุณมากขึ้น4. ตำแหน่งปิดรับสมัครแล้วบางครั้ง บริษัทอาจได้รับใบสมัครจำนวนมากจนต้องปิดรับก่อนกำหนด ทำให้ใบสมัครของคุณไม่ได้รับการพิจารณา5. ฝาก Resume ผิดที่หากฝากประวัติสมัครงานในแพลตฟอร์มหางานที่ไม่ตรงกับสายอาชีพ หรือไม่ได้เลือกใช้เว็บไซต์ที่เหมาะสม อาจทำให้โปรไฟล์ไม่ถูกค้นพบโดยบริษัทที่ต้องการพนักงานในตำแหน่งที่คุณสมัคร5 เทคนิคเพิ่มโอกาสได้งานในปี 2025หากไม่อยากให้ใบสมัครเงียบหาย ลองใช้เทคนิคเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสให้ HR ติดต่อกลับมาเร็วขึ้น1. ปรับแต่ง Resume ให้เหมาะกับตำแหน่งที่สมัครไว้การใช้ Resume หรือโปรไฟล์สมัครงานเพียงฉบับเดียวในการสมัครหลายตำแหน่ง อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ควรปรับแต่งเนื้อหาให้สอดคล้องกับรายละเอียดของงานที่สมัครในแต่ละตำแหน่งด้วย โดยควรใส่ทักษะและประสบการณ์ที่ตรงกับงานนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด เพื่อแสดงถึงประสบการณ์และความเหมาะสมในตำแหน่งที่คุณสมัคร 2. เพิ่มคำสำคัญ (Keywords) ในโปรไฟล์การใช้ Keywords ที่เหมาะสมในโปรไฟล์สมัครงาน จะช่วยให้ HR ค้นหาประวัติของคุณได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสได้รับการพิจารณา จึงควรเลือกใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร พร้อมทั้งสรุปประสบการณ์การทำงานให้น่าสนใจ โดยสามารถเพิ่มรายละเอียดได้ดังนี้ตัวเลข เปอร์เซ็นต์ (%) และจำนวน เช่น คุณสามารถเพิ่มยอดขายออนไลน์ขึ้น 200% ภายใน 1 ปี หรือ Achieved 100% of marketing targets in 9 monthsความรู้ทางด้านภาษา เช่น TOEIC 900 คะแนน / IELTS 7.5 / TOEFL 105ทักษะหรือความสามารถพิเศษ เช่น Advanced Excel & Data Analysis, Communication Skill, Creativity Skill3. ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข้อมูลผิดพลาด เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล หรือรายละเอียดประสบการณ์ทำงาน อาจทำให้บริษัทไม่สามารถติดต่อได้ โดยควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า Resume ที่ส่งไปไม่มีคำผิด และมีความกระชับ ชัดเจน4. ใช้แพลตฟอร์มฝากประวัติสมัครงานที่เหมาะสมเลือกใช้ช่องทางสมัครงานที่เหมาะสมกับสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หางาน แพลตฟอร์มสำหรับมืออาชีพ หรือเครือข่ายสังคมออนไลน์สำหรับการหางาน ควรกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และอัปเดตโปรไฟล์อยู่เสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสที่ HR จะพบประวัติของคุณ5. ติดตามผลการสมัครด้วยความสุภาพหลังจากส่งใบสมัครไปแล้ว ควรติดตามผลกับบริษัทภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อแสดงความกระตือรือร้น และย้ำให้ฝ่ายบุคคลทราบว่าคุณสนใจตำแหน่งงานนี้จริง ๆ การติดตามผลสามารถทำได้ผ่านทางอีเมลหรือโทรศัพท์ โดยควรใช้ถ้อยคำที่สุภาพและเป็นมืออาชีพฝากประวัติสมัครงานที่ไหนดีในปี 2025หากคุณกำลังมองหางานใหม่ หรืออยากเพิ่มโอกาสได้งานที่ตรงกับความสามารถของคุณ การเลือกแพลตฟอร์มหรือช่องทางฝากประวัติสมัครงานที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญแนะนำให้สมัครงานผ่าน Recruitment Agency หรือบริษัทจัดหางานอย่าง Manpower ที่มีเครือข่ายนายจ้างจากหลายอุตสาหกรรม พร้อมอัปเดตตำแหน่งงานใหม่ทุกวัน ช่วยให้คุณสามารถสมัครงานได้อย่างมีประสิทธิภาพข้อดีของการสมัครงาน/หางานกับเว็บหางาน Manpowerช่วยจับคู่ตำแหน่งงานที่เหมาะสม ตามทักษะและประสบการณ์ของคุณเพิ่มโอกาสได้งานเร็วขึ้น จากองค์กรที่มีคุณภาพและมั่นคง สมัครเพียงครั้งเดียว ระบบจะช่วยให้ HR สามารถค้นหาประวัติของคุณได้อย่างง่ายดายได้รับคำแนะนำในการปรับปรุง Resume และสัมภาษณ์งานสำหรับใครที่กำลังมองหางานในปี 2025 สามารถฝากประวัติสมัครงานได้ที่ Manpower เว็บสมัครงานจัดหาคน-จัดหางานชั้นนำระดับโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 70 ปี เราอัปเดตตำแหน่งงานใหม่ทุกวัน หางานคุณภาพที่ตรงใจ เพื่อโอกาสงานที่ดีในอนาคตข้อมูลอ้างอิงNo Response to Job Applications: What Am I Doing Wrong?. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 จาก https://acadium.com/blog/no-response-to-job-applications/
-
สรุปให้ Freelance, Outsource พนักงานประจำ ต่างกันอย่างไร ?
6 February 2025 แม้ว่า Freelance, Outsource และพนักงานประจำจะเป็นรูปแบบการจ้างงานที่เรามักคุ้นเคย ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจการจ้างงานในแต่ละประเภทจึงมีความสำคัญอย่างมาก ยิ่งในฐานะเจ้าของบริษัทและพนักงานฝ่ายบุคคล จะช่วยให้เห็นถึงภาพรวม ที่สามารถนำไปวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย และเลือกวิธีการจ้างงานที่เหมาะสมกับเป้าหมายขององค์กรได้อย่างตรงจุดเปรียบเทียบ Freelance, Outsource และพนักงานประจำคืออะไร ต่างกันอย่างไร ?1. Freelance คืออะไร ?Freelancer คือบุคคลที่เลือกทำงานอิสระ โดยไม่ได้ขึ้นตรงกับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่มักจะทำงานในลักษณะของโครงการหรืองานชั่วคราวตามที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้ารูปแบบการทำงาน : โดยทั่วไปแล้ว Freelance จะสามารถทำงานให้ลูกค้าหลายรายในเวลาเดียวกันได้ อีกทั้งยังมีอิสระในการเลือกโปรเจกต์ที่ตนเองสนใจและต้องการทำความยืดหยุ่น : เนื่องจากไม่มีสัญญาจ้างประจำ ผู้ทำงานสามารถกำหนดตารางเวลาของตนเอง รวมถึงเลือกสถานที่ทำงานได้อย่างอิสระรายได้และสวัสดิการ : รายได้ของ Freelancer จะขึ้นอยู่กับจำนวนงานที่รับและความสามารถในการหาลูกค้า อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือจะไม่ได้รับสวัสดิการจากนายจ้าง ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพหรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพความมั่นคง : แม้ว่า Freelance จะมีอิสระในการเลือกงาน แต่ความมั่นคงของรายได้อาจไม่แน่นอน เนื่องจากต้องขึ้นอยู่กับโอกาสในการหาลูกค้าและสภาวะการแข่งขันในตลาด2. Outsource คืออะไร ?Outsource หมายถึงการที่องค์กรเลือกจ้างบุคคลหรือบริษัทภายนอกเข้ามาดำเนินงานแทนพนักงานในองค์กร เช่น การจ้างบริษัทภายนอกมาดูแลระบบ IT หรือการใช้บริการเอเจนซีด้านการตลาดรูปแบบการทำงาน : โดยทั่วไปแล้ว Outsource จะเป็นบุคคลหรือบริษัทที่รับงานภายใต้สัญญาจ้าง ซึ่งอาจเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวตามข้อตกลง โดยจะทำงานให้กับองค์กรที่ว่าจ้างตามขอบเขตที่กำหนดความยืดหยุ่น : แม้ว่าจะมีข้อตกลงหรือสัญญาที่ต้องปฏิบัติตาม แต่ Outsource ยังคงมีความยืดหยุ่นมากกว่าพนักงานประจำ เพราะไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบขององค์กรในทุกด้านรายได้และสวัสดิการ : รายได้อาจเป็นแบบค่าจ้างตามโครงการหรือเงินเดือน ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างองค์กรกับผู้ให้บริการ อย่างไรก็ตาม สวัสดิการมักจะน้อยกว่าพนักงานประจำ และในบางกรณี ผู้ว่าจ้างอาจไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบในเรื่องสวัสดิการเลยด้วยความมั่นคง : การจ้างงานแบบ Outsource มีความมั่นคงมากกว่า Freelance เพราะมักมีสัญญาที่ชัดเจน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าพนักงานประจำ เนื่องจากองค์กรอาจเปลี่ยนผู้ให้บริการได้เมื่อหมดสัญญา3. พนักงานประจำคืออะไร ?พนักงานประจำ คือบุคคลที่ได้รับการจ้างงานโดยตรงจากองค์กร โดยมีสถานะเป็นลูกจ้างและได้รับสวัสดิการครบถ้วนตามที่กฎหมายแรงงานกำหนดรูปแบบการทำงาน : พนักงานประจำต้องทำงานตามโครงสร้างองค์กร ซึ่งจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจนตามแต่ละตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายความยืดหยุ่น : โดยทั่วไปแล้ว พนักงานประจำจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหลายองค์กรได้เริ่มนำนโยบายการทำงานแบบ Hybrid หรือ Remote มาใช้เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่พนักงานรายได้และสวัสดิการ : นอกจากเงินเดือนที่แน่นอนแล้ว พนักงานประจำยังได้รับสวัสดิการต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ โบนัส รวมถึงโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งด้วยความมั่นคง : ด้วยสัญญาจ้างที่ต่อเนื่อง ทำให้พนักงานประจำมีความมั่นคงในอาชีพมากที่สุดเมื่อเทียบกับ Freelance และ Outsource อย่างไรก็ดี ยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น การปรับลดจำนวนพนักงาน หรือสภาวะทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน ตารางเปรียบเทียบระหว่าง Freelance, Outsource และพนักงานประจำหัวข้อFreelanceOutsourceพนักงานประจำรูปแบบการทำงานทำงานอิสระ เลือกโปรเจกต์เองรับงานตามสัญญาจ้างจากองค์กรทำงานประจำในองค์กรความยืดหยุ่นสูง เลือกเวลาและสถานที่เองปานกลาง ยืดหยุ่นบางส่วนต่ำ (ขึ้นอยู่กับนโยบายองค์กร)รายได้ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับจำนวนงานขึ้นอยู่กับสัญญาจ้างเงินเดือนประจำสวัสดิการไม่มีสวัสดิการจากนายจ้างขึ้นอยู่กับข้อตกลงมีสวัสดิการ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันสังคมความมั่นคงต่ำ เนื่องจากรายได้ไม่แน่นอนปานกลาง ขึ้นอยู่กับสัญญาสูง และมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งกลยุทธ์การเลือกรูปแบบการจ้างงานเพื่อให้คุณสามารถเลือกรูปแบบการจ้างงานที่เหมาะกับองค์กรที่สุด เรามี 6 กลยุทธ์การเลือกรูปแบบการจ้างงานมาแนะนำ ดังต่อไปนี้1. วิเคราะห์ลักษณะงานก่อนที่จะตัดสินใจเลือกรูปแบบการจ้างงาน ควรเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ลักษณะของงานที่ต้องการอย่างละเอียด โดยหากเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในระยะสั้น การจ้าง Freelance หรือ Outsource ก็อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ในทางกลับกัน หากเป็นงานที่ต้องการความต่อเนื่องและสอดคล้องกับเป้าหมายองค์กรในระยะยาว การจ้างพนักงานประจำก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า2. ดูงบประมาณและต้นทุนเมื่อกำหนดลักษณะงานได้แล้ว สิ่งสำคัญในลำดับถัดมาคือการพิจารณาถึงงบประมาณและต้นทุน ซึ่งการจ้าง Freelance หรือ Outsource มักจะช่วยลดต้นทุนด้านสวัสดิการและค่าจ้างในระยะยาวได้ แต่หากองค์กรต้องการที่จะสร้างทีมงานที่มีความมั่นคงและเติบโตไปด้วยกัน การลงทุนกับพนักงานประจำก็อาจให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากกว่า 3. มองผลกระทบต่อองค์กรนอกจากเรื่องของงบประมาณแล้ว ยังจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อองค์กรในระยะยาวด้วย ทั้งนี้ การใช้ Freelance และ Outsource อาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรและความต่อเนื่องของงาน ในขณะที่พนักงานประจำ สามารถช่วยสร้างความเป็นทีมและเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ดีกว่า4. วางระบบบริหารจัดการเมื่อตัดสินใจเลือกใช้การจ้างงานรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว ทางบริษัทเองก็จำเป็นต้องมีระบบบริหารจัดการที่เหมาะสมรองรับ โดยหากเลือกใช้ Freelance หรือ Outsource องค์กรจะต้องมีโครงสร้างการสื่อสารที่ชัดเจน พร้อมทั้งมีแพลตฟอร์มสำหรับติดตามผลลัพธ์การทำงาน ในขณะที่หากเลือกจ้างในลักษณะพนักงานประจำ ก็ควรมีระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด5. ตั้งเกณฑ์วัดผลเพื่อให้มั่นใจว่าการจ้างงานแต่ละรูปแบบให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า องค์กรควรกำหนด Key Performance Indicators (KPIs) ที่ชัดเจนและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคุณภาพงาน ประสิทธิภาพในการทำงาน หรือความพึงพอใจของพนักงาน โดยจำเป็นต้องปรับเกณฑ์ให้เหมาะสมกับแต่ละประเภทของพนักงาน เช่น Freelance อาจวัดจากความตรงต่อเวลาและคุณภาพของโปรเจกต์ ในขณะที่พนักงานประจำอาจพิจารณาจากความก้าวหน้าและการมีส่วนร่วมในองค์กร6. เตรียมแผนสำรองท้ายที่สุดแล้ว องค์กรควรเตรียมแผนสำรองเพื่อรับมือกับปัญหาหรือความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น กล่าวคือ หากใช้ Freelance หรือ Outsource ก็ควรมีเครือข่ายของผู้ให้บริการหลายรายเพื่อรองรับงานในกรณีฉุกเฉิน ส่วนในการบริหารพนักงานประจำ ก็ควรมีแผนพัฒนาทักษะและโครงสร้างการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพManpower ในฐานะบริษัท Recruitment ระดับโลกที่มีประสบการณ์การให้บริการครอบคลุมถึง 75 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วย 8 สำนักงานในประเทศไทย เราพร้อมให้บริการจัดหาบุคลากรแบบครบวงจร ทั้ง Freelance, พนักงาน Outsource และพนักงานประจำ รวมถึงให้คำปรึกษาและวิเคราะห์รูปแบบการจ้างงานที่เหมาะสม เพื่อให้คุณได้บุคลากรที่มีคุณภาพและตรงตามเป้าหมายองค์กรอย่างแท้จริง สนใจรับคำปรึกษาหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเราได้เลยวันนี้ข้อมูลอ้างอิงOutsourcing vs. Hiring a Freelancer—benefits and drawbacks. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 จาก https://www.linkedin.com/pulse/outsourcing-vs-hiring-freelancerbenefits-drawbacks-isourceout
-
แมนพาวเวอร์ชวนส่องวันหยุดยาว 2568 หาแพลนเที่ยวเสริมกำลังใจทำงาน!
29 January 2025 เมื่อปีใหม่เริ่มต้นขึ้น หลายคนมักจะเริ่มวางแผนการเดินทางและวันหยุดยาวเพื่อให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะพนักงานออฟฟิศที่ต้องการใช้วันหยุดให้คุ้มค่าที่สุด ในปี 2568 นี้ แมนพาวเวอร์ ได้รวบรวมวันหยุดยาวที่น่าสนใจมากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนวันลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากทุกคนกันค่ะ!วันหยุดเดือนมกราคม 2568วันพุธที่ 1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่วันหยุดเดือนกุมภาพันธ์ 2568วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ วันมาฆบูชา ลาวันที่ 11-12 พฤษภาคม เพิ่ม 2 วัน = หยุด 5 วันวันหยุดเดือนมีนาคม 2568เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ แต่เรา..ไม่มีวันหยุดราชการในเดือน มีนาคม 2568วันหยุดเดือนเมษายน 2568วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน วันจักรี หรือวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน วันสงกรานต์วันจันทร์ที่ 14 เมษายน วันสงกรานต์วันอังคารที่ 15 เมษายน วันสงกรานต์วันหยุดเดือนพฤษภาคม 2568วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม วันแรงงานแห่งชาติลาวันที่ 2 พฤษภาคม เพิ่ม 1 วัน = หยุด 5 วันวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม วันฉัตรมงคลวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม ชดเชยวันฉัตรมงคลวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม วันวิสาขบูชาวันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม ชดเชยวันวิสาขบูชาวันหยุดเดือนมิถุนายน 2568วันอังคารที่ 3 มิถุนายน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชีนีทำให้หยุดต่อเนื่อง 4 วัน 31 พฤษภาคม - 3 มิถุนายนวันหยุดเดือนกรกฎาคม 2568วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม วันอาสาฬหบูชาวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม วันเข้าพรรษาวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววันหยุดเดือนสิงหาคม 2568จันทร์ที่ 11 ส.ค.68 วันหยุดเพิ่มเติม ทำให้หยุดต่อเนื่อง 4 วัน 9-12 สิงหาคม คลิกอ่านข่าวเพิ่มเติมวันอังคารที่ 12 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติวันหยุดเดือนกันยายน 2568ไม่มีวันหยุดราชการในเดือน กันยายน 2568วันหยุดเดือนตุลาคม 2568วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม วันปิยมหาราชวันหยุดเดือนพฤศจิกายน 2568ไม่มีวันหยุดราชการในเดือนพฤศจิกายน 2568วันหยุดเดือนธันวาคม 2568วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญวันพุธที่ 31 ธันวาคม วันสิ้นปี
-
เช็กให้ครบ! เงื่อนไข Easy E-Receipt 2.0 เพื่อลดหย่อนภาษี ปี 2568
9 January 2025 ช่วงต้นปีแบบนี้ ใครที่กำลังมองหาโครงการเพื่อนำมาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษี ในปีนี้รัฐบาลได้จัดตั้งโครงการใหม่เข้ามาแทน นั่นก็คือ “Easy E-receipt 2.0” เพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีให้สูงสุดถึง 50,000 บาท! โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) หรือใบเสร็จในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) ผ่านระบบของกรมสรรพากรเท่านั้นค่ะโครงการ Easy E-Receipt 2.0 มาตรการลดหย่อนภาษีใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมสนับสนุนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท และมีการปรับเงื่อนไขที่เหมาะสมมากขึ้น เพื่อให้การใช้จ่ายสะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ให้สิทธิประโยชน์อะไร?ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท มนุษย์เงินเดือนต้องรู้! คำนวนภาษียังไง อะไรลดหย่อนได้บ้าง?ความแตกต่างของ Easy E-Receipt 2.0จากโครงการในปีที่ผ่านมา Easy E-Receipt 2.0 ปี 2568 ยังคงวงเงินลดหย่อนไว้สูงสุด 50,000 บาท แต่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่:30,000 บาท สำหรับสินค้าและบริการทั่วไป20,000 บาท สำหรับสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน ร้านค้า SMEs และสินค้า OTOPสินค้าและบริการที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซื้ออะไรได้บ้าง?ลดหย่อนภาษี 30,000 บาทซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซื้อสินค้า หรือรับบริการจากร้านค้าที่ไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องเป็นค่าซื้อสินค้า หรือบริการดังนี้ และมี E-Receipt เป็นหลักฐานค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)ลดหย่อนภาษี 20,000 บาทซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้วซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมที่สำคัญ!!! ต้องมีหลักฐานการชำระเงินเป็นใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้นสินค้าและบริการที่ไม่เข้าร่วม “Easy E-Receipt 2.0”สุรา เบียร์ และไวน์ยาสูบน้ำมัน ก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถจักรยานที่ติดเครื่องยนต์) และ เรือค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์และ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าว นอกเหนือจาก 16 ม.ค. - 28 ก.พ. 2568ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยค่าที่พัก โรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมท่านสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ และสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษี ได้ที่ เว็บไซต์สรรพากรจะรู้ได้อย่างไรว่าจะได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่?สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะได้เงินภาษีคืนเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินได้ และอัตราภาษีของแต่ละบุคคลเงินได้ต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท (ได้รับการยกเว้นภาษี) ไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ได้เงินได้ต่อปี 150,001 – 300,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2,500 บาทเงินได้ต่อปี 300,001 – 500,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5,000 บาทเงินได้ต่อปี 500,001 – 750,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 7,500 บาทเงินได้ต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 10,000 บาทเงินได้ต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 12,500 บาทเงินได้ต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท ลดหย่อนภาษีสูงสุด 15,000 บาทเงินได้ต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป ลดหย่อนภาษีสูงสุด 17,500 บาทวิธีใช้สิทธิ์และเอกสารที่ต้องเตรียมใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice): ต้องระบุชื่อผู้ซื้อ-ขาย และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt): ต้องมีรายละเอียดสินค้าและข้อมูลการซื้อครบถ้วนผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งข้อมูลใดให้ผู้ประกอบการใช้ออก E-Tax Invoice หรือ e-Receipt?1) ชื่อและนามสกุล 2) ที่อยู่ 3) เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) เมื่อแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้องครบถ้วนแล้ว ข้อมูลการซื้อสินค้าและการรับบริการจะปรากฏ ใน My Tax Account ของผู้เสียภาษี และสามารถใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2568 (ยื่นช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2569)สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receiptได้ที่ไหน ?สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/normal_person.html ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2568ข้อมูลอ้างอิง: กรมสรรพากร, iTAX
-
สีเสื้อมงคลปี 2568 เสริมดวงการงาน การเงิน ความรักแบบจัดเต็ม!
24 December 2024 ในยุคที่การเสริมดวงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คน การเลือกสีเสื้อที่เหมาะสมกับวันหรือโอกาสสำคัญก็ถือเป็นเคล็ดลับที่ช่วยเสริมพลังชีวิตได้อย่างดี โดยเฉพาะสำหรับวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัวปี 2568 นี้ หมอไก่ พ. พาทินี นักพยากรณ์ชื่อดัง ได้เผยสีเสื้อมงคลที่ช่วยเสริมดวงในด้านต่าง ๆ ทั้งการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ มาเริ่มต้นปีด้วยพลังบวกและความมั่นใจกันเถอะ!สีเสื้อมงคลวันอาทิตย์การงาน โชคดี: สีเขียวการเงิน : สีดำ สีม่วงเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเทาสีต้องห้าม : สีน้ำเงินสีเสื้อมงคลวันจันทร์การงาน โชคดี: สีดำ สีม่วงการเงิน : สีส้ม สีน้ำตาลเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีฟ้า สีน้ำเงินสีต้องห้าม : สีแดงสีเสื้อมงคลวันอังคารการงาน โชคดี: สีส้ม สีน้ำตาลการเงิน : สีเทาเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีแดงสีต้องห้าม : สีขาวสีเสื้อมงคลวันพุธการงาน โชคดี: สีเทาการเงิน : สีฟ้า สีน้ำเงินเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเหลือง สีขาวสีต้องห้าม : สีชมพูสีเสื้อมงคลวันพฤหัสบดีการงาน โชคดี: สีแดงการเงิน : สีเหลือง สีขาวเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีเขียวสีต้องห้าม : สีดำ สีม่วงสีเสื้อมงคลวันศุกร์การงาน โชคดี: สีชมพูการเงิน : สีเขียวเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีส้ม สีน้ำตาลสีต้องห้าม : สีเทาสีเสื้อมงคลวันเสาร์การงาน โชคดี: สีฟ้า สีน้ำเงินการเงิน : สีแดงเสริมเสน่ห์ เมตตา : สีชมพูสีต้องห้าม : สีเขียววิธีเลือกใช้สีเสื้อมงคลให้เหมาะกับคุณ1. เลือกสีที่เหมาะกับโอกาสพิจารณาว่าคุณต้องการเสริมดวงด้านไหนในแต่ละวัน เช่น การงาน การเงิน หรือความรัก แล้วเลือกสีที่เหมาะสม2. ใช้สีเสริมในเครื่องประดับถ้าไม่อยากใส่เสื้อสีมงคลทั้งตัว ลองใช้สีเหล่านี้ในกระเป๋า ผ้าพันคอ หรือเครื่องประดับแทน3. อย่าลืมใส่ความมั่นใจการเสริมดวงด้วยสีเสื้อคือการเพิ่มพลังบวก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความมั่นใจในตัวเองเสริมดวงให้ปัง เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยสีที่ใช่สีเสื้อมงคลปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เคล็ดลับเสริมดวง แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความมั่นใจในทุกวัน ลองเลือกสีที่เหมาะกับคุณและเปลี่ยนวันธรรมดาให้กลายเป็นวันแห่งโอกาสกันเถอะ!พร้อมเสริมดวงให้ชีวิตคุณปังตลอดปีหรือยัง? มาเลือกสีเสื้อมงคลแล้วลุยกันเลย!ถ้าคุณกำลังมองหางานที่ใช่ พร้อมเสริมดวงให้ทั้งการงานและชีวิตส่วนตัว อย่ารอช้า! มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับโอกาสดี ๆ ที่ ManpowerGroup Thailand เรามีตำแหน่งงานหลากหลายให้คุณเลือก ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้น หรือกำลังมองหาก้าวถัดไปในอาชีพของคุณ สมัครงานกับเราง่าย ๆ ได้ที่ xxx ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการพาคุณสู่อนาคตที่สดใส และดวงเฮงตลอดปี 2568!